พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศปก.ศบค. กล่าวถึงกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนร่วมติดโบว์ดำ สวมชุดดำเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจาก โควิด-19 และยื่นรายชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org เรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักเป็น mRNA เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องวัคซีน ว่า นายแพทย์อุดม คชินทร ในฐานะที่ปรึกษาศบค.จะรับฟังเสียงของบุคลากรทางการแพทย์ ยืนยันให้ความสำคัญทีมแพทย์เพราะทำงานอย่างหนัก และมีความเสี่ยง จึงจำเป็นจะต้องสร้างขวัญกำลังใจ หากจะมองเรื่องหลักวิชาการทางการแพทย์อย่างเดียวคงไม่ทั่วถึง ซึ่งหากไม่ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์การปฏิบัติงานก็จะออกมาไม่ดี แต่ไม่สามารถใช้งบประมาณเงินกู้มาสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้
“วันนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางมายื่นหนังสือ มาขอวัคซีน ซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้ว ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในเดือนนี้หรืออย่างช้าเดือนหน้า หากไม่มีอุปสรรคจะสามารถนำมาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ใช้ได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้บริหารจัดการตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม และตามความสมัครใจต่อไป” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เลขาฯ สมช. กล่าวถึงกรณีที่สถิติทำงานจากที่บ้านของประชาชนยังไม่ถึงร้อยละ 50 ว่า ข้อกำหนดระบุไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรีทำงานจากที่บ้าน หรือ work from home เต็มขีดความสามารถ แต่ในขณะเดียวกันหน่วยงานราชการที่ยังคงต้องให้บริการประชาชน หรือฝ่ายความมั่นคงจำเป็นที่จะต้องมาทำงานเพราะไม่สามารถที่จะบริการประชาชนจากที่บ้านได้ แต่ ศบค.ได้เน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันยอมรับว่าเห็นใจภาคเอกชนบางส่วนที่ทำงานที่บ้านไม่ได้ แต่บางส่วนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ต่อข้อถามว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับอะไรหรือไม่ กรณีที่ท่านจะเกษียณอายุราชการอีก 2 เดือนข้างหน้า พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่กำชับให้ปฏิบัติงานที่อยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ส่วนตัวไม่ห่วงภารกิจที่ยังคงค้างอยู่ เพราะมีทีมงานที่มีความเข้าใจในเนื้องานเป็นอย่างดี ตนสามารถเกษียณอายุราชการได้อย่างสบายใจ เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีจะเชิญมาปฏิบัติงานหลังเกษียณอายุราชการแล้ว พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว