วันที่ 2 กรกฎาคม – นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข และประธานโซน 3 กรุงเทพ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย 27 เขต จากศูนย์ประสานงาน 50 เขตในกรุงเทพมหานคร พบว่า สถานการณ์โควิด-19 มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วทุกวัน มีผู้ติดเชื้อกักตัวอยู่ที่บ้านรอคอยเตียงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลทุกแห่งเต็ม และไม่สามารถรับคนติดเชื้อเพิ่มได้อีก เพราะมีบุคลาการไม่เพียงพอ ต่อให้สร้างโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ขณะที่บุคลากรมีจำกัดเท่าเดิม
นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาลที่ประสานการส่งตัวผู้ป่วยตลอดสองเดือนพบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงที่ได้ยินมีมากกว่าจำนวนที่ประกาศรายวันจาก ศบค. จนทุกวันนี้ทุกหน่วยตรวจเชื้อ ไม่อยากที่จะตรวจเชื้อเพิ่มเพราะยิ่งตรวจยิ่งเจอ อัตราการพบเชื้อทุกวันนี้จากที่สอบถามโรงพยาบาลร้อยละ 32 จากผู้เข้ารับการตรวจเชื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่กล้าพูดกัน จึงทำให้เริ่มได้ยินหมอและพยาบาลหลายคนพูดแล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องเลือกบางกลุ่ม และปล่อยบางกลุ่ม ซึ่งเป็นจุดวิกฤตที่เราไม่ต้องการได้ยิน เพราะ สิ่งนี้กำลังบอกว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังพังทลาย
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่ผู้ป่วยมีมากกว่าจำนวนเตียงและบุคลากรทางการแพทย์ จึงขอเสนอว่า เมื่อภาครัฐจัดทำมาตรการกักตัวเองที่บ้าน แต่มาตรการนี้จะทิ้งเปล่าถ้าไม่มีแพทย์ พยาบาล ช่วยดูแลประสานงาน จึงเสนอให้ใช้คลินิกชุมชนอบอุ่น หรือที่ชาวบ้านเรียกคลินิกบัตรทองสามสิบบาทรักษาทุกโรค จำนวน 197 แห่ง ภายใต้การดูแลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพและสมาชิกในชุมชนมากกว่าล้านคน เป็นคลินิกปฐมภูมิเข้ามาดูแล เพราะมีบุคลากรการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข อาสาสมัคร ซึ่งรู้จักพื้นที่และทุกคนในชุมชน เมื่อพบผู้ติดเชื้อในชุมชน ก็ทำพิกัด จัดทำประวัติผู้ติดเชื้อ จัดยาโดยสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติในการรักษาโรคโควิด-19 ทดแทนยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขาดแคลน
นายวิชาญ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า คนติดเชื้อมีมากกว่าจำนวนเตียงและบุคลากรการแพทย์แล้ว ถ้าให้ทุกคนไปกระจุกตัวที่โรงพยาบาล มีเตียงเท่าใดก็ไม่พอ ให้คลินิกชุมชนอุ่นใจ ช่วยรับภาระให้งบประมาณจำนวนหนึ่ง ให้ลงพื้นที่ดูแลคนติดเชื้อในชุมชนในเคสที่เป็นระดับสีเขียวโดยไม่ต้องไปรอกันที่โรงพยาบาลสนาม จะช่วยลดภาระโรงพยาบาลได้และคล่องตัวมากกว่า