วันนี้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติอดีตส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เปิดเผยว่ามี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดส.ส.พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ รวม 4 คน เสียบบัตรแทนกันว่า เรื่องนี้เป็นความผิด 2 กรณี คือ 1.เป็นความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยป.ป.ช.ต้องส่งไปยังอัยการ เพื่อฟ้องยังศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตนคิดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน ก็น่าฟ้องได้ เพราะคดีนี้ไม่ซับซ้อน
2.เป็นความผิดฐานฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 ประกอบมาตรา 235 กรณีนี้ ป.ป.ช.ฟ้องยังศาลฎีกาได้โดยไม่ต้องส่งอัยการ คดีนี้จะเร็วกว่าคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะใช้เวลา 1-2 เดือน ก็น่าจะฟ้องได้ 3.เมื่อมีการฟ้องตาม 2 ข้อข้างต้นแล้ว ศาลฎีกาอาจสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนกับกรณีของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ การกระทำผิดตามข้อ 1 และ 2 จะทำให้ผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ลงสมัคร ส.ส.และส.ว.หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นไม่ได้ตลอดไป อย่างไรก็ตามมีคนถามว่าส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกันมีแค่นี้หรือ ตนขอตอบว่ายังมีอีกหลายคน แต่ไม่ใช่เรื่องของตนที่จะร้องใคร เป็นเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรต้องตรวจสอบกันเอง ตนไม่ได้โกรธเคืองใครเป็นการส่วนตัว แต่ที่ทำมาก็เพราะเป็นข้อมูลในพื้นที่ ที่ตนเห็นประจักษ์เท่านั้นเอง
นายนิพิฏฐ์ ยังขอบคุณเพื่อนพี่น้องที่กล้าให้ข้อมูล เพราะกว่าจะทำคดีนี้ได้ และเดินมาถึงวันนี้ยากลำบาก ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากใคร หาข้อมูลยากมาก แม้พรรคที่ตนสังกัด ก็ไม่มีใครสอบถามอะไรเลย พรรคร่วมรัฐบาลก็อย่าโทษพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่มีใครสอบถามตนเรื่องนี้เลย ตนทำตามลำพัง