สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายประชากรของรัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม)มีขึ้นในความพยายามที่จะแก้ปัญหาขาดแคลนประชากรวัยแรงงาน หลังจากไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลสำรวจเผยว่าอัตราการเกิดของเด็กจีนลดต่ำที่สุดในรอบ 60 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรในวัยทำงานที่อายุระหว่าง 15-59 ปี ซึ่งลดลงต่ำกว่า 900 ล้านคนเหลือแค่ 63 % ในปีที่แล้ว โดยลดลง 7% จากทศวรรษที่แล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าประชากรกลุ่มนี้จะลดลงอีก 5 % ในทศวรรษหน้า
ซึ่งหากเป็นไปตามคาด การลดลงของประชากรจีนจะส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลประธานาธิบดีสีจิ้นผิงตั้งเป้าจะเพิ่ม GDP ให้ได้สองเท่าภายในปี 2578 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ก็อาจเป็นการดับฝันที่จีนจะแซงหน้าสหรัฐไปเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย
จีนได้พยายามแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำด้วยการปรับนโยบายให้คนจีนมีลูกคนที่สองได้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่ปรากฎว่าไม่ได้ผลเพราะอัตราการเกิดปีที่แล้วลดลงเกือบ 15% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการที่รัฐบาลปรับนโยบายตอนนี้อาจสายไปเสียแล้ว
โดยซินหัวได้ทำแบบสอบถามคนจีนกว่า 3 หมื่นคนว่าคิดเห็นอย่างไร ปรากฎว่า 90 % ตอบว่าไม่สนใจจะมีลูกคนที่สาม ขณะที่่อีกหลายคนตอบว่าไม่คิดจะมีแม้แต่คนเดียว โดยให้เหตุผลว่าแค่ดำรงชีวิตให้รอดในสิ่งแวดล้อมที่กดดันก็ยากและเหนื่อยพออยู่แล้ว เนื่องจากค่าครองชีพในจีนค่อนข้างสูง การแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่งานดีๆและบ้านที่ราคาพอซื้อได้ก็หายากเหลือเกิน และยิ่งผู้หญิงจีนเจเนอเรชั่นนี้มีการศึกษาสูงขึ้น จึงมุ่งทำงานก่อนแต่งงาน ทำให้อัตราการแต่งงานต่ำ และเมื่อแต่งแล้ว ก็มีลูกช้าอีก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของจีนต่างไม่มั่นใจว่านโยบายลูกคนที่สามของรัฐบาลจะได้ผลตามที่หวังไว้หรือไม่