เวรกรรมจำนำข้าว ขรก.รับใช้นักการเมืองหนี้สินท่วมชีวิต

กลับมาติดตามเรื่องใหญ่อีกครั้ง กับโครงการรับจำนำข้าวสุดฉาว ที่ ทักษิณ ชินวัตร หรือ Tony Woodsome นักโทษหนีคดีอาญา ไม่พูดถึงในแอพพลิเคชั่น Clubhouse (คลับเฮาส์) เช่นเดียวกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โพสต์ล่าสุด วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทย ว่า เป็นยุคของการลิดรอน สิทธิเสรีภาพ พร้อมเรียกร้องประชาชน ช่วยกันผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

เหตุผลที่ต้องนำเสนอเรื่องนี้ เพราะล่าสุดศาลปกครองกลาง ได้ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ , นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ , นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ชุดของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีพานิชย์ และ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยพานิชย์ ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , ปลัดกระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4

ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ กรณีมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งหมด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทุจริตโครงการรับจำนำและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

และศาลปกครองได้มีการสรุปข้อเท็จจริงในคดีให้ผู้รับมอบของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับทราบ และตุลาการผู้แถลงคดี ได้แถลงความเห็นส่วนตัว ที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยคดีขององค์คณะ รวมถึงได้สั่งให้มีการรวมสำนวนคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ราย เป็นคดีเดียวและให้ยึดสำนวนคดีของนายมนัส เป็นคดีหลัก พร้อมกำหนดนัดพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 29 มีนาคม เวลา 10.00 น.

ขณะที่ผู้ฟ้องทั้ง 5 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างต้องโทษจำคุกอยู่ตามคำพิพาษาศาลฎีภาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ปัจจุบันจำคุกอยู่ตามคำพิพาษาศาลฎีภาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ประกอบด้วย

1.นายมนัส สร้อยพลอยดำรง อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกจำคุกเป็นเวลา 40 ปี
2.นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกจำคุกเป็นเวลา 32 ปี
3. นายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ถูกจำคุก 24 ปี

ส่วนการฟ้องคดีดังกล่าวต่อปกครองดังกล่าว เกิดขึ้น ภายหลังกระทรวงพานิชย์ มีคำสั่งที่ 457 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 สั่งให้บุคคลทั้ง 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงินรายละ 4,011 ล้านบาท ส่วนของนายบุญทรง มีตัวเลขชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,770 ล้านบาท , นายภูมิ จำนวน 2,300 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จากกรณีจงใจกระทำละเมิดให้ราชการเสียหาย จากการนำข้าวตามสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐมาเวียนขายให้ผู้ประกอบการค้าข้าวภายในประเทศ

ขณะเดียวกันถ้ายังจำกันได้ คณะกรรมการพิจารณารับผิดทางแพ่ง กระทรวงการคลัง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ ได้เคยพิจารณาค่าเสียหายจากความรับผิดทางละเมิด ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผูุุ้บังคับบัญชาสูงสุด ฐานจงใจกระทำละเมิด เป็นเงินจำนวน 178,586,365,141.17 บาท หรือคิดเป็น 20% ของตัวเลขความเสียหายจากการประเมิน 178,586,365,141.17 บาท ซึ่งก็มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จากมูลค่าความเสียหายกว่า 536,908.30 ล้านบาท

และจากการเรียกค่าสินไหมชดเชยจำนวนดังกล่าว ปรากฎว่าทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามจะฟ้องร้อง ขอให้ศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถ้ามีการอายัดจะสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก ประกอบกับชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม “ถ้ามีการอายัดทรัพย์สิน จะเกิดความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เป็นหนี้ก้อนโต ใช้ชั่วชีวิตก็ไม่หมด ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่รู้จะบรรยายความเดือดร้อนยังไง บรรยายไม่ถูกจริง ๆ”

แต่ท้ายสุด ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทในระหว่างพิจารณาคดีได้นั้น ต้องมีเงื่อนไขตามที่กฎหมายกําหนดไว้ 3 ประการ เกิดขึ้นครบถ้วน คือ

(1) คําสั่งพิพาท น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย (2) การให้คําสั่งพิพาทมีผลใช้บังคับต่อไปจะทําให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง (3) การทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ

รวมถึงแม้ผู้ฟ้องคดีจะอ้างเหตุของความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคําสั่ง เรียกให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้เงินหลายประการ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ขอให้ศาลมีคําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทเกิดขึ้นไม่ครบถ้วน ศาลจึงไม่มีอํานาจสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งที่เรียก ให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดี ศาลจึงมีคําสั่งยกคําขอทุเลาการบังคับตามคําสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดี

และเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ รองโฆษกศาลปกครอง ในขณะนั้น อธิบายการพิจารณาคดีความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว มีการฟ้องในศาลปกครอง 5-6 คดี และศาลปกครองได้มีการพิจารณาทุกประเด็นอย่างละเอียด

โดยในปีที่ 1-2 เป็นการแสวงหาข้อเท็จจริง จากนั้นในปีที่ 3 การแสวงหาข้อเท็จจริงครบถ้วนจนได้ข้อยุติเป็นที่สิ้นสุด

โดยปัจจุบัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังคงยืนยันว่า คดีแพ่งและคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดีรับจำนำข้าว ไม่ได้ขาดอายุความ เช่นเดียวกับคดียึดทรัพย์และบังคับคดีก็ยังไม่ขาดอายุความ คือ หมายถึงยังมีการติดตามสืบทรัพย์เพื่อดำเนินการทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

โดยอายุความการบังคับคดี คือ ถ้ายึดไม่ได้ภายใน 10 ปี ยึดมาได้เท่าไรก็เท่านั้น ส่วนคดีแพ่งถ้าฟ้องไปหมดทุกคดีแล้ว และเมื่อฟ้องอายุความก็จะหยุด

โดยคดีอาญาของโครงการรับจำนำข้าว มี 1,188 คดี อยู่ระหว่างกระบวนการยังไม่มีคดีใดที่ขาดอายุความ และคดียึดทรัพย์กรมบังคับคดียึดทรัพย์ไปแล้ว จำนวนมาก ยังต้องตามยึดต่อ เพราะไม่รู้ว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน ขณะนี้เท่าที่ทราบในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ยึดบ้านและรถแล้ว กำลังจะนำขายทอดตลาด แต่ก็มีอีกส่วนที่กำลังพิสูจน์ว่า ใช่ของเขาหรือไม่ ยังมีเวลาตรวจสอบ ยังไม่ขาดอายุความ อย่างไรก็ตามคดีความที่จะหมดอายุความเร็วที่สุด คือ ปี 2565 แต่ถ้าดำเนินการอะไรไปอายุความนั้นก็จะไม่หมด

“ขณะนี้เท่าที่ทราบได้ยึดบ้านและรถแล้ว กำลังจะนำขายทอดตลาด และยังมีเวลาตรวจสอบ ยังไม่ขาดอายุความ มีที่ต้องยึดต่ออีกเยอะ สำหรับบุคคลเกี่ยวข้อง โดยคดีความที่จะหมดอายุความเร็วที่สุดคือปี 2565 ส่วนที่เหลือก็ดำเนินการต่อไป ในส่วนที่อายุความไม่หมด เช่น คดีที่เกี่ยวกับโรงสี เป็นต้น”