อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า คงจะทราบกันแล้วว่า บทสรุปของคดีเสือดำ ที่เป็นข่าวโด่งดัง ภายหลังจากนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ซึ่งในเวลา 09.00 น.ศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา หลังต่อสู้คดีมายาวนานกว่า 3 ปีว่าจะมีบทสรุปเช่นไร โดยนายเปรมชัย มีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งปฎิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันลอบล่า ‘เสือดำ’ ซึ่งการเดินทางมาศาลในวันนี้ นายเปรมชัยมีการบาดเจ็บบริเวณตาข้างซ้าย
บรรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง มาคอยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเดินทางเข้าไปภายในศาลจังหวัดทองผาภูมิ โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนสามารถเก็บภาพได้เพียงนอกกำแพงรั้วของศาลจังหวัดทองผาภูมิเท่านั้น กระทั่ง 8.59 น. ทันทีที่นายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธานกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด พร้อมพวกรวม 4 คน เดินทางมาถึงยังศาลจังหวัดทองผาภูมิ ด้วยรถยนต์ยี่ห้อ Range Rover ทะเบียน วข-3858 โดยนั่งมาฝั่งด้านซ้ายของคนขับ ซึ่งนายเปรชัย มีการบาดเจ็บที่ตาด้านซ้าย พบการปิดผ้าพันแผล รวมทั้งยังไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน
โดยในช่วงเวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่าเสือดำ หมายเลขดำ อ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ นางนที เรียมแสน แม่ครัว และนายธานี ทุมมาศ พรานป่า ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืน ไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครอง ซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า อันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และฐานร่วมกันเก็บหาของป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.61 พวกจำเลยได้ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี แล้วร่วมกันฆ่าเสือดำ และไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อเป็นอาหาร โดยจำเลยให้การปฏิเสธ
ต่อมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิด พิพากษาจำคุก นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 รวม 16 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 รวม 13 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 รวม 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และ จำคุก นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 รวม 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา
และให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้เสียหายด้วย อัยการโจทก์และจำเลยทั้งสี่ต่างยื่นอุทธรณ์
ต่อมาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำคุก นายเปรมชัย รวม 2 ปี 14 เดือน
นายยงค์ โดดเครือ รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน นางนที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วน นายธานี ทุมมาศ จำคุกรวม 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานฯ รวม 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย
โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว นายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี โดยเพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 2 แสนบาทระหว่างฎีกา พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต
นอกจากนี้นายเปรมชัย ยังถูกศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษายืนจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา กรณีนายเปรมชัยเสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่า
ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าและอื่นๆ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายเปรมชัย 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา กรณีมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นกัน
จากคดีดังกล่าว แม้ว่านายเปรมชัยจะไม่ถูกดำเนินคดีในฐานความผิด ว่าเป็นคนยิงเสือดำ แต่ก็ดำเนิน คดีฐานร่วมกันล่าเสือดำ
เพราะเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บพยานหลักฐาน จากอุจจาระของนายเปรมชัย ซึ่งเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า ไม่มีลูกน้องคนใด จะกล้านั่งอุจจาระ บริเวณหน้ารถของนายเปรมชัย ยกเว้นจะเป็นตัวนายเปรมชัยเอง
อันแปลได้ว่า นายเปรมชัยก็ร่วมรู้เห็นทุกอย่างกับการจัดการซากเสือดำ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธในชั้นศาล อ้างว่าลูกน้องยิงเสือดำ ระหว่างตัวเองขับรถไปเที่ยวจุดอื่น จากพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้นายเปรมชัย ยากจะดิ้นหลุด จนนำมาสู่คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ให้จำคุกนายเปรมชัย