“พ.ต.อ.ภาคภูมิ” ลั่นทนมากว่า 10 ปี ยอมทรยศเพื่อความถูกต้อง ยันข้อมูลแฉ “บิ๊กโจ๊ก” หอบทองคำแท่งหนัก 246 บาท ติดสินบน ป.ป.ช.

"พ.ต.อ.ภาคภูมิ" ลั่นทนมากว่า 10 ปี ยอมทรยศเพื่อความถูกต้อง ยันข้อมูลแฉ "บิ๊กโจ๊ก" หอบทองคำแท่งหนัก 246 บาท ติดสินบน ป.ป.ช.

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม หลังจบการแถลงของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อดีตรอง ผบก.สส.ภ.4 อดีตคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ถึงกรณีที่ถูกแจ้งความเอาผิด

พ.ต.อ.ภาคภูมิเปิดเผยว่า การออกมาเปิดหน้าในวันนี้ พร้อมนำหลักฐานมาให้กับทางตำรวจ เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ด้วยเหตุผลหลายเรื่อง ที่เห็นน้องๆ ต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกบังคับให้รับผิดแทน ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบและได้รับความลำบาก มีการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในคลิปที่นำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ตัวผมเองเป็นผู้กระทำความผิด รวมถึงคลิปในคดีอื่นๆ หลายคดีที่พี่ๆ น้องๆ ตำรวจต้องถูกดำเนินคดีด้วยกัน ต้องแบกรับในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ ซึ่งมีผลต่อครอบครัว จึงเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ออกมาในวันนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากกระแสข่าวที่ออกมาว่าการเปิดหน้าหรือยอมออกมาให้ข้อมูลในวันนี้ เพื่อแลกกับการกลับมารับราชการในอาชีพตำรวจอีกครั้งหรือไม่ พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวว่า ถ้าจำได้ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ตนเองเคยทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาตนเองออกจากราชการ เพราะตอนนั้นยังอยู่ในราชการอยู่ เพื่อให้ตนออกมาต่อสู้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งได้อย่างเต็มตัว แต่ติดที่ตนเองมีคดีวินัย ซึ่งเป็นคดีอาญา ไม่สามารถลาออกได้ ก่อนจะถูกไล่ออกออกจากราชการ ถ้าสังเกตที่ผ่านมาตนเองไม่เคยออกไปเรียกร้องที่ไหนเลย มีแต่ต่อสู้ไปทั้งคดีอาญาและคดีวินัย เพื่อให้ตนเองได้กลับเข้ามารับราชการ ไปฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนที่มีพฤติกรรมนั้นท่านคงเห็นอยู่แล้วว่าเป็นใคร

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนกรณีที่มีลูกน้องต่างๆ เคยถูกทำร้ายนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวว่า เรื่องนี้คนที่ถูกกระทำเช่นนั้น คงเข้าไปให้การแล้ว ส่วนตัวไม่ขอเปิดเผย เพราะว่าตอนนี้พยานในคดีต่างๆ ถูกรบกวน ซึ่งมันเป็นอันตรายหรือทำให้เสียรูปคดี แต่ขอยืนยันว่าเคยเห็นบางเหตุการณ์และมีพยานอื่นๆ เห็นในบางเหตุการณ์จริง ยืนยันมีการทำร้ายจริงๆ

 

 

“วันนี้น้องๆ หลายๆ คนก็กลัว ที่ผ่านมาไม่กล้าออกมากัน แต่วันนี้ผมตัดสินใจออกมา ก็เพราะสงสารน้องๆ เหล่านั้น ผมเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า จะเอาชนะความเท็จด้วยความจริง ต่อสู้อย่างเปิดเผย เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก และในวันที่ผมเดินออกมา ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญอะไร ต้องเจอกับอะไร มันรู้วิธีการกันอยู่ ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก็มีการพยายามติดต่อมาทางคนที่รู้จักกับผมว่าอยากคุยด้วย อยากพบเจอ พอเราตัดขาดการติดต่อไป ก็เริ่มมีไอโอเข้ามาทำลายพ่อแม่ผม ครอบครัวผม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกินความคาดหมาย ว่าผมจะต้องเจอ แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูดความจริง ขบวนการนี้และวิธีการนี้ก็ยังคงอยู่ ก็ยังทำลายคนอยู่ตลอดเวลา” พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าว

พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวต่อว่า ตนเองไม่ได้ขายนาย แต่ถ้ามันต้องทำเพื่อน้องๆ เพื่อตำรวจส่วนร่วม เพื่อองค์กร ถ้าจะต้องถูกว่าหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ขายนายหรือทรยศหักหลังอะไรก็ตาม ถ้าการพูดความจริงแล้วมันทำให้คนอื่นได้รับความเป็นธรรม หรือให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่างๆ ที่ต้องทนรับมาเป็นเวลา 10 ปี ให้ทรยศอีก 10 ครั้ง ตนเองก็ไม่ลังเล ส่วนความปลอดภัยของน้องๆ ที่ออกมาในวันนี้ บางคนได้รับการดูแลคุ้มครองแล้ว แต่สำหรับตน ตนไม่กลัว และไม่มีอะไรจะพูดถึงท่าน แต่ถ้าต้องพูด ก็อยากจะบอกว่า “ท่านคงรู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือสิ่งไหนเท็จ ผมว่าละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายมันหนีความจริงไม่พ้น”

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกมาบอกว่าเสียความรู้สึก พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวว่า ตนเองไม่ได้โกรธท่าน และยังเคารพท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ท่านเคยสนับสนุนต่างๆ ตนเองยังรำลึกในบุญคุณของท่าน แต่ก็ต้องแยกแยะ และท่านต้องทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ทำอะไรให้ท่านบ้าง ในผลงานที่ท่านพูดถึง มีคดีไหนหรือเรื่องไหน ที่ตนเองไม่ได้ทำ ต้องแยกแยะระหว่างบุญคุณกับความถูกต้อง

“ส่วนรายละเอียดทางคดีหรือเอกสารต่างๆ ที่นำมามอบให้กับทางตำรวจ ขอให้รอแถลงใหญ่ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุต่าง ที่จะต้องรวบรวม โดยตอนี้มันมีกระบวนการเข้าไปข่มขู่พยานและทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่หลังจากวันที่ 5 ม.ค.นี้ จะมีความชัดเจนทั้งหมด ไม่ต้องห่วง เพราะความจริงจะต้องถูกเปิดเผย รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ ป.ป.ช.ด้วย“

พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวทิ้งท้ายว่า มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและสามารถเอาผิดได้แน่นอน ส่วนคดีเว็บพนัน ซึ่งเป็นคดีเก่า เชื่อว่าตำรวจกำลังหาความจริง แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับคดีทอง เป็นคนละกรรม ตนเองมีหน้าที่นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่รู้และเห็นไปให้กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันก่อน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สภ.เมืองกำแพงเพชร จับมือ รพ.เอกชนเมืองกำแพง มอบของขวัญปีใหม่ “แจกหมวกนิรภัย” รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย อุ่นใจทั้งจังหวัด
กลุ่มสื่อ ‘Chiangrai Watch’ ชวนผู้สมัคร สส. ตอบ 5 วาระหลัก ผ่าวิกฤตเชียงรายสู่ความยั่งยืน
วันแรกช่วงควบคุมเข้มปีใหม่ 2569 น่าน ยังไร้ผู้เสียชีวิต อุบัติเหตุ 5 ครั้ง บาดเจ็บ 6 ราย ย้ำเข้มวินัยจราจรคืนส่งท้ายปี
ชาวน่านเดินทางสู่สนามหลวง เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
น้ำใจคนแม่ฮ่องสอน สมทบช่วยเหลือผ่านสะพานบุญครูหนึ่ง ไปมอบให้แก่ผู้ลี้ภัยติดดชายแดนไทยที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาว
ผู้ว่าฯ นครสวรรค์ ปล่อยแถวออกตรวจควบคุมกำกับดูแลสถานบริการ สถานประกอบการ ในช่วงเทศกาลปีใหม่

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​