ครอบคลุมทุกวงการ “ราชกิจจาฯ” แพร่ประกาศปปง. ขยายนิยาม “บุคคลที่มีสถานภาพการเมือง” ให้ถือเป็นบุคคลทางการเมือง แม้พ้นตำแหน่งเกิน 1 ปี ถ้ายังใกล้ชิดบุคคลในตำแหน่ง หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจนโยบายสำคัญ


ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเรื่อง บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง

อาศัยอำนาจตามความในบทนิยามคำว่า “บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง” ในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. ๒๕๖๓ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๒ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล ดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
(๑) นายกรัฐมนตรี
(๒) รองนายกรัฐมนตรี
(๓) รัฐมนตรี
(๔) ข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่าตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหาร ระดับสูง ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
ข้อ ๓ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ในฝ่ายนิติบัญญัติ ดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
(๑) ประธานสภาผู้แทนราษฎร
(๒) รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
(๓) ประธานวุฒิสภา
(๔) รองประธานวุฒิสภา
(๕) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๖) สมาชิกวุฒิสภา
(๗) เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
(๘) รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
(๙) เลขาธิการวุฒิสภา
(๑๐) รองเลขาธิการวุฒิสภา
ข้อ ๔ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ในฝ่ายบริหาร ดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
(๑) ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ในราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
(๒) ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูง ได้แก่
๑) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
๒) จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบเท่า
๓) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบเท่า
๔) ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดีตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เทียบเท่าอธิบดี
ข้อ ๕ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
(๑) กรุงเทพมหานคร
๑) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
๒) รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
๓) ประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
๔) สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
๕) ปลัดกรุงเทพมหานคร
๖) รองปลัดกรุงเทพมหานคร
(๒) เมืองพัทยา
๑) นายกเมืองพัทยา
๒) รองนายกเมืองพัทยา
๓) ประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา
๔) สมาชิกสภาเมืองพัทยา
๕) ปลัดเมืองพัทยา
๖) รองปลัดเมืองพัทยา
(๓) องค์การบริหารส่วนจังหวัด
๑) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
๒) รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
๓) ประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
๔) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
๕) ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(๔) เทศบาลนคร
(๕) เทศบาลตำบล ฯลฯ ไปจนถึงศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
นอกจากนี้ยังระบุให้บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ซึ่งพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่เกินหนึ่งปี ทั้งนี้แม้บุคคลดังกล่าวจะพ้นจากตำแหน่งเกินหนึ่งปีแล้วก็ตาม หากยังคงมีอิทธิพลหรือความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองในปัจจุบัน หรือมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสำคัญ ให้ถือว่าบุคคลนั้นยังคงเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองต่อไปจนกว่าสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๖ จะพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้หรือปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้เลขาธิการเป็นผู้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาด คำวินิจฉัยของเลขาธิการให้เป็นที่สิ้นสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น