วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ลงพื้นที่จัดโครงการ “การปรับเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดจุดความร้อน (Hot Spot) และฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋ว (PM2.5) สู่ห่วงโซ่อุปทานใหม่ในอุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์” ภายใต้ชื่อว่า “ปลูก เปลี่ยน ปรับ” โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธาน Promoting Committee (PD) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฯ พร้อมด้วยนายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นายครรชิต พุทธโกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. ตลอดจนผู้บริหารคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า เข้าร่วมกิจกรรมในการที่จะร่วมกันปรับเปลี่ยนแนวคิดวิธีการกำจัดวัสดุเหลือใช้อย่างถูกต้อง นำไปสู่การลดเผา ลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า ได้อย่างยั่งยืน

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธาน Promoting Committee (PD) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า โครงการที่ใช้นักวิจัยเข้ามาทำงานในพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เพราะเชื่อว่าความรู้เท่านั้นถึงจะสามารถสู้กับฝุ่นได้ แต่จะทำได้ยั่งยืนก็ต่อเมื่อเราเข้าใจวิถีชีวิตของเขาด้วย เพราะฉะนั้นการที่ทั้งผู้นำในพื้นที่ผู้บริหารและก็นักวิชาการ ตลอดจนฝ่ายที่สนับสนุนทุนการวิจัยก็คือ วช. เข้ามาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง แบบนี้จะช่วยทำให้ชาวบ้านที่เคยใช้วิถีชีวิตดั้งเดิม เขาได้เห็นว่าเขามีทางเลือกอื่น ไม่ใช่แค่มีหน้าที่ในการลดฝุ่นแต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องสุขภาพของตัวเขาเอง สุขภาพของคนที่เขารักและกระบวนการที่เข้าใจว่าพืชอื่นที่เขาอาจจะยังมองข้ามอยู่ ยังมีศักยภาพมากเลย ที่เขาจะสามารถทำได้ในโลกนี้ ประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ และมีความสามารถในการปลูกกาแฟมีน้อยมาก ในโลกนี้

ส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศเมืองหนาวส่วนใหญ่นั้นปลูกกาแฟไม่ได้ แต่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ส่วนประเทศที่ปลูกกาแฟได้ก็มักจะไม่ค่อยมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ประเทศไทยทำได้ทั้ง 2 อย่าง ปลูกได้และนิยมดื่ม และเรายังนำเข้าเมล็ดกาแฟอยู่สม่ำเสมอ พื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า เป็นที่หนึ่งที่มีศักยภาพของตนเอง น้ำดี ดินดี แล้วก็มีแดดดี และมีต้นไม้ดี เพราะฉะนั้นการเข้ามาสู่กระบวนการเปลี่ยนพืชที่เสี่ยงต่อการใช้ไฟมาสู่พืชที่ระแวงไฟ คนปลูกกาแฟ ไม่มีใครอยากให้มีไฟเข้ามาในพื้นที่ตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่เขาใช้พืชใหม่เข้ามาเสริมเราไม่ได้บอกว่าจะเอาล้างพืชเก่า พืชเก่ามีได้แต่พืชใหม่มีปั๊บจะเริ่มเห็นว่าได้ทั้งความสมดุลทางด้านสุขภาพ ได้ความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันพื้นที่เขาเขียวงามไม่มีไฟจะกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวขายสตอรี่ ขายเรื่องราว ที่ทำให้คนอื่นอยากจะมาเห็นว่าสุขภาพดีแบบเขาทำได้อย่างไรในราคาไม่แพง และเข้าใจถึงปรัชญาของชีวิต

ด้านนายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า กล่าวว่า วันนี้ต้องขอบคุณทางมหาลัยวิทยาลัยแม่โจ้ กับทีมงานที่มาช่วยในการแก้ไขปัญหาเรื่อง PM 2.5 อย่างยั่งยืนในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นพื้นที่ต้นแบบในการแก้ไขปัญหาเรื่องของ PM 2.5 วันนี้เรามาพูดเรื่องของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิมซึ่งค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดมาเป็นการปลูกกาแฟ หรือว่าพืชทางเลือกอื่นๆ เช่น กล้วย กาแฟ อโวคาโด เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างรายได้เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นโอกาสของคนพี่น้องชาว อ.เวียงป่าเป้า แล้ว รวมทั้งโอกาสของพี่น้องใน จ.เชียงราย ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับนักวิชาการ ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ องค์กรภาคเอกชน ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตรงนี้ได้คิดว่าปัญหาของควันไฟป่าเราจะหมดไปอย่างยั่งยืนถาวรอย่างแน่นอน

ทางด้านนายพันธธร วจนะนิรันดร์ ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ต.แม่ยาว กล่าวอีกว่า ตนเป็นเกษตรกรซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำแม่ยาว ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย อยากบอกถึงเรื่องการเป็นเกษตรกรทั้งที่ปลูกข้าวโพด และปลูกข้าวไร่ อยากให้หันมาปลูกกาแฟเพื่อที่จะสร้างรายได้ในความมั่นคงของชุมชนตลอดจนรายได้ที่มันเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ลูกหลานได้อยู่ในพื้นที่ ซี่งกาแฟเป็นพืชชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน และทำให้ลูกหลานได้กลับมาอยู่ในพื้นที่ในชุมชนได้ กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยตลอดที่ผ่านมาในเวทีของคนบริโภคกาแฟจะมีคนรู้จักไม่กี่คนกี่พื้นที่ ในขณะที่จังหวัดเชียงรายมีแหล่งเพาะปลูกกาแฟอยู่หลากหลาย โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลแม่ยาวไม่มีคนรู้จักว่ามีการปลูกกาแฟในพื้นที่ด้วย ซึ่งมีการปลูกมานานแล้วกว่า 10 ปี แต่ไม่เคยออกสู่ตลาดของผู้บริโภคในนามของ ต.แม่ยาว เลย จึงอยากให้กำลังใจว่ากาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่กำลังอยู่ในขาขึ้น เช่น ราคากาแฟปีนี้สูงที่สุดในประวัติที่ผ่านมา 30 กว่าปี ซึ่งมองว่ากาแฟมีราคาที่สูงขึ้น อาจจะด้วยผลกระทบที่เกิดจากภาวะอากาศเปลี่ยน หรือแม้ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด อย่างเช่น บราซิล เวียดนาม เขาได้ผลผลิตน้อยลง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และอีกหลายๆ ปัจจัย เพราะว่าพื้นที่ปลูกจำกัด แต่ผู้บริโภคเยอะขึ้นเลยทำให้มูลค่าของตลาดกาแฟสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงอยากเชิญชวนมาปลูกกาแฟที่สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ลูกหลานก็จะได้กลับมาอยู่ในครอบครัว และพัฒนาชุมชนบ้าน ต่อไป

สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือจากคณะนักวิจัย และผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการวิจัยที่มีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจฐานราก และความมั่นคงของระบบเกษตรกรรมในภาคเหนือ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาหลักทุกคนคุ้นเคย โดยเฉพาะการเผาซังและเศษวัสดุข้าวโพด ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศในจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พุ่งสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกร โดยทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าเพิ่มตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และตอบโจทย์แผนงานยุทธศาสตร์ ของสำนักงานวิจัยแห่งชาติ ในการลดมลพิษและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างชัดเจน
ผลลัพธ์คือ อากาศที่สะอาดขึ้น ชุมชนที่เข้มแข็งขึ้น เกษตรกรมีรายได้ใหม่จากวัสดุที่เคยถูกเผาทิ้ง และอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่ก้าวสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง BCG อย่างแท้จริง โดยเฉพาะโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงงานวิจัยด้านปศุสัตว์หรือสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เป็นโมเดลใหม่ของการพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่ผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ (System Transformation) นำไปสู่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มุ่งสู่การลดจำนวนที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ในพื้นที่เป้าหมาย ลดจุดความร้อน (Hotspot) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของพื้นที่ดำเนินการ สร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากเศษวัสดุ เช่น วัสดุปูรองสัตว์ และอาหารสัตว์ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกรกว่า 100 ราย และสร้างต้นแบบในพื้นที่ อีกด้วย









