สำนักข่าวเกียวโดและ AFP รายงานว่าทรัมป์ได้พบหารือกับทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่วัย 58 ปีของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (อังคารที่ 28 ตค.) ระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่สองของทริปเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐ และเป็นบททดสอบแรกของทาคาอิจิบนเวทีระหว่างประเทศ
ระหว่างการพบปะที่บ้านพักรับรองภายในพระราชวังอากาซากะ ทาคาอิจิได้ชื่นชมความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา และความสำเร็จในข้อตกลงกาซา พร้อมให้คำมั่นจะยกระดับความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-สหรัฐให้เป็น “ยุคทอง”
ทรัมป์และทาคาอิจิได้ลงนามได้ข้อตกลงว่าด้วยการจัดหาแร่ธาตุหายาก หลังจากที่ทรัมป์ลงนาม MOU การจัดหาแร่ธาตุหายากกับไทยในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย ก่อนที่ทรัมป์จะเดินทางไปเยี่ยมทหารอเมริกันราว 6 พันนายที่ฐานทัพเรือสหรัฐโยโกสุกะ โดยมีทาคาอิจิร่วมเดินทางไปด้วย
ระหว่างกล่าวปราศรัยบนเรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตันคู่กับทรัมป์ ทาคาอิจิกล่าวว่าภูมิภาคอินโดแปซิฟิคกำลังเผชิญกับ “ปัญหาความมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” พร้อมย้ำว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยทธศาสตร์เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยก่อนหน้านี้ทาคาอิจิประกาศจะเพิ่มงบประมาณด้านการทหาร 2% ของ GDP ปีนี้ตามคำเรียกร้องของทรัมป์ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากจีนในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน
ด้านทรัมป์หลังกล่าวปราศรัยเสร็จ ก็ได้โชว์สเต็ปท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ ทำเอาบรรดาทหารต้องขยับแขนขาตาม โดยทรัมป์มีกำหนดจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 29 ตค.) เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค แต่ไฮไลท์สำคัญคือการพบปะนอกรอบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ซึ่งจะเป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่สอง

