The Japan Times และเกียวโดรายงานว่าเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ของผู้นำสหรัฐได้เดินทางถึงสนามบินนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียวในวันนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่สองของทริปเยือนเอเชีย หลังจากเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเมื่อวานนี้ (อาทิตย์ที่ 26 ตค.)
ทันทีที่ถึงญี่ปุ่น เฮลิคอปเตอร์ก็นำทรัมป์มุ่งหน้าไปยังพระราชวังอิมพีเรียลเพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ
และในวันพรุ่งนี้ (อังคารที่ 28 ตค) ทรัมป์มีกำหนดจะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมฐานทัพเรือสหรัฐที่เมืองโยโกสุกะ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์บนเรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน
ขณะที่ทาคาอิจิเองก็เพิ่งเดินทางกลับถึงญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังร่วมประชุมอาเซียนที่มาเลเซียเช่นกัน ระหว่างต่อสายพูดคุยกันก่อนหน้านี้ทาคาอิจิได้บอกกับทรัมป์ว่า ญี่ปุ่นเป็น “พันธมิตรที่สหรัฐจะขาดไม่ได้ ทั้งในประเด็นยุทธศาสตร์ที่มีต่อจีนและในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก” ทาคาอิจิยังประกาศจะเพิ่มงบประมาณด้านการทหาร โดยคิดเป็น 2% ของ GDP ในปีนี้ รวมทั้งประกาศจะยกระดับความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์กับสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสร้างความพอใจให้กับทรัมป์เป็นอย่างยิ่ง
นอกจากประเด็นความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์แล้ว สองผู้นำจะมีการทำข้อตกลงด้านความร่วมมืออีกหลายด้าน รวมทั้งความร่วมมือด้านการต่อเรือ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยให้คำมั่นจะรื้อฟื้นอุตสาหกรรมการต่อเรือเพื่อแข่งขันกับจีนที่แซงหน้าขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆของโลก ทรัมป์ยังมีความพยายามที่จะปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานสำหรับแร่ธาตุหายากที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง และขยายการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐไปยังญี่ปุ่น โดยเย็นพรุ่งนี้ทรัมป์จะพบกับกลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่น ซึ่งรวมทั้ง SoftBank Group และโตโยต้า คาดว่าทรัมป์จะเรียกร้องให้นักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนในสหรัฐมากขึ้น
อย่างไรก็ตามดีลธุรกิจสำคัญที่ทรัมป์คาดหวังคือข้อตกลงการค้ากับจีน โดยทรัมป์มีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันพฤหัสบดีนี้ระหว่างการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นการพบปะกันครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง ทรัมป์

