สำนักงานเศรษฐกิจโคราช มทส. ร่วมกับ บพท. กระทรวง อว. เปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังไทย–จีน

สำนักงานเศรษฐกิจโคราช มทส. ร่วมกับ บพท. กระทรวง อว. เปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังไทย–จีน ผลักดันความร่วมมือวิทยาศาสตร์เพื่อขจัดความยากจน ยกระดับนวัตกรรมเกษตรฐานรากสู่สากล

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2568  ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ดร.อโศก พลบำรุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ  ผศ.ดร.พันทิพย์ ปิยะทัศนานนท์ รักษาการแทนผู้อำนวยการเทคโนธานี  ผศ.ดร.กำไร เบือนสันเทียะ หัวหน้าโครงการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจโคราช เทคโนธานี พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มสมาคมผู้ผลิตและประกอบการมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วมและเกษตรกรในพื้นที่ ร่วมงานพิธีเปิด “ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังไทย-จีน” หรือ Thailand–China Cassava Technology Transfer Center ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

ผศ.ดร.กำไร เบือนสันเทียะ หัวหน้าโครงการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจโคราช (Korat Economic Agency : KEA) เทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวถึง ความเป็นมาของศูนย์ฯ เกิดจากความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำของจีนอย่าง Chinese Academy of Tropical Agricultural Sciences (CATAS) และสถาบันต่าง ๆ ในประเทศจีน ที่มุ่งเน้นผลักดันเรื่องของการเป็น “ศูนย์กลางแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ วิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังครบวงจร” จนทำให้เกิด “ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลัง ไทย–จีน” เพื่อเป็นกลไกกลางเชื่อมงานวิจัย เทคโนโลยี ทุน และตลาด สู่การใช้จริงในพื้นที่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยโมเดล “4 เสา” ได้แก่ Cluster, SIE, Industry และ Korat Sandbox มุ่งพัฒนาโคราชเป็นต้นแบบเมืองนวัตกรรมเกษตรครบวงจร ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างคลัสเตอร์เกษตรกร–ธุรกิจชุมชน เชื่อมอุตสาหกรรมชีวภาพและนวัตกรรมไทย–จีน สู่การขยายผลในลุ่มน้ำโขง ภายใต้แนวทาง BRI และเศรษฐกิจ BCG

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานในพิธีเปิดศูนย์ฯ กล่าวว่า ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเกษตร ที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลังของไทยอย่างมาก และในโครงการ “สะพานนวัตกรรมไทย–จีน” ยังสามารถเชื่อมโยงเศรษฐกิจ BCG ประเทศไทย เข้ากับโครงการ Belt and Road Initiative นั้น ยิ่งทำให้ภาพของการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเกษตรอัจฉริยะและอุตสาหกรรมชีวภาพของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ที่ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน นำโดย กระทรวง อว. หน่วย บพท. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจโคราช (KEA) เทคโนธานี และพันธมิตรสถาบันสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงถือเป็นความยินดีอย่างยิ่งในฐานะตัวแทนของชาวโคราช ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีเปิดศูนย์ฯ ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

ในการนี้ ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้กล่าวถึง บทบาทของหน่วย บพท. ในฐานะเป็นแรงหนุนเสริมจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อน ที่มีบทบาทหน้าที่ด้านการสนับสนุนทุนวิจัยในการส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ให้ไปสู่การยกระดับเกษตรฐานรากของไทยสู่ระดับสากล ด้วยกลไกความร่วมมือเชิงพื้นที่เพื่อมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างตรงจุด ด้วยการจัดตั้งศูนย์ฯ ขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านความร่วมมือกับ China Rural Technology Development Centre (CRTDC) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน ภายใต้กรอบโครงการ “The Belt and Road Initiative” เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมระหว่างสองประเทศ

 

 

 

 

 

 

ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีมันสำปะหลังไทย–จีน แห่งนี้ เป็นหนึ่งใน 5 ศูนย์วิจัย ภายใต้ 6 กรอบความร่วมมือไทย–จีน ที่หน่วย บพท. ทำหน้าที่ประสานและสนับสนุนการดำเนินงาน โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่างกระทรวง อว. และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและยกระดับการแก้ไขปัญหาความยากจนผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมชนบทซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทั้งสองประเทศ ที่มุ่งเน้นการพัฒนา ห่วงโซ่คุณค่าการผลิตมันสำปะหลัง (Cassava Value Chain) ครอบคลุมตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์คุณภาพสูง การจัดการดินและน้ำ การใช้ปุ๋ยชีวภาพ การป้องกันโรคใบด่าง การแปรรูปผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล ไปจนถึงการบริหารจัดการของเสียและการพัฒนาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกรและภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องในพื้นที่

โดยศูนย์ฯ แห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่หน่วยงานภาครัฐ สถาบันวิชาการ และเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงรูปธรรมในการยกระดับรายได้ขจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนอย่างยั่งยืนพร้อมแสดงความมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็น “จุดเริ่มต้นของการขยายเครือข่ายวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม” ที่นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การสร้างคุณค่าใหม่ทางสังคม และการเสริมสร้างมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีนในระยะยาว

ในโอกาสนี้ยังตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของการต่อยอดความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นต้นแบบของ “ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (Cooperation for Development)” ที่นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ-ข่าว กัญศลักษณ์ รุ่งสุขประเสริฐ ผู้สื่อข่าว topnews ทั่วไทย จ.นครราชสีมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"บิ๊กเล็ก" เผยประชุม GBC ครั้งสุดท้าย ยันไม่ยอมไทยเสียเปรียบ ถ้าเขมรไม่ร่วมมือ ลั่นอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด!
มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ มอบรางวัลเกียรติยศ “Sir Robert Peel” ครั้งที่ 2 เชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจและผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม
มทร.อีสาน ครองอันดับ 1 จาก 9 มทร. คว้าอันดับที่ 19 ของประเทศไทย จากการจัดอันดับ AD Scientific Index 2026 เสริมศักยภาพวิจัยไทยสู่เวทีโลก
"ธรรมนัส" แจงสายสัมพันธ์ "กัน จอมพลัง" เมินโดน "สส.ส้ม" ดิสเครดิต จับโยงกลุ่มทุนต่างชาติ ลั่นทำหน้าที่เป็นสส.ให้ดีสำคัญสุด
"นันทิวัฒน์" เตือนไทยอย่าตกขบวน ทั้งโลกลุกฮือลุยปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ลามขยายจากกัมพูชา
"ชาวบ้านอยุธยา" เดือดร้อนหนัก น้ำท่วมมิดหัวนานร่วม 2 เดือนแล้ว โอดใช้ชีวิตลำบาก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​