หนุ่มไทยใหญ่ร้องเพจ “สายไหมต้องรอด” ถูกกลุ่มวัยรุ่นกะเหรี่ยงรุมฟันศีรษะเย็บกว่า 10 เข็ม ตำรวจยังไร้ความคืบหน้า

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2568 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหมต้องรอด” พานายแก้วคำ อายุ 25 ปี ชาวไทยใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในซอยสเตท ถนนสุขุมวิท ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังนายแก้วคำเข้าร้องเรียนผ่านเพจ ว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา รุมทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บ ต้องเย็บกว่า 10 เข็ม เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา

นายแก้วคำ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าติดกับร้านสะดวกซื้อ คืนเกิดเหตุเดินลงมาซื้อของกิน แต่ระหว่างเดินออกจากร้านกลับพบกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คน ถือมีดครบมือ ดักรออยู่หน้าร้าน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเดินเข้ามาถามว่า “เป็นคนไทยหรือไม่” ตนยังไม่ทันตอบ กลุ่มดังกล่าวได้ใช้มีดฟันเข้าที่ศีรษะทันที จากนั้นทั้งหมดรุมทำร้ายร่างกาย ก่อนพากันหลบหนีไป

ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มคนร้ายมาก่อน จึงไม่ทราบสาเหตุของการถูกทำร้าย หลังเกิดเหตุเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ทำให้รู้สึกหวาดกลัวว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุอาจย้อนกลับมาทำร้ายซ้ำ จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าในคดีและเร่งนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายเค อายุ 26 ปี เพื่อนของผู้บาดเจ็บ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในซอยดังกล่าวมีแรงงานต่างด้าวหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ทั้งชาวพม่า กะเหรี่ยง เขมร และไทยใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มชาวกะเหรี่ยงมักตั้งตนเป็น “ขาใหญ่” ชอบหาเรื่องคนไทยใหญ่อยู่เป็นประจำ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุรุมทำร้ายกันมาแล้วแต่ไม่เคยมีการจับกุมผู้กระทำผิดจริงจัง และล่าสุดมาก่อเหตุกับเพื่อนของตนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นการทำร้ายผิดคน

นายเอ พนักงานร้านสะดวกซื้อ กล่าว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่ตนเองกำลังจัดของอยู่ในร้านสะดวกซื้อ พบผู้บาดเจ็บวิ่งหนีตายเข้ามาในร้าน ก่อนกลุ่มผู้ก่อเหตุนับ 10 คน จะวิ่งตามเข้าไป ขณะนั้น ตนเองไม่กล้าเข้าไปยุ่งเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย อย่างไรก็ตามตนเองจำได้ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่เคยไล่ทำร้ายชาวไทยใหญ่ มาแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา และถูกจับมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะพ้นโทษออกมาก่อเหตุอีก อย่างไรก็ตามพบว่าในซอยดังกล่าว เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ อยู่บ่อยครั้ง เกรงว่าหากเจ้าหน้าที่ที่รัฐ ไม่ดำเนินการอย่างจริงจังจะทำให้กลุ่มที่มีปัญหาซ้ำซากพวกนี้ไม่เกรงกลัวกฏหมาย หากจำได้ควรจะดำเนินการเด็ดขาด และส่งกลับประเทศให้หมด

ส่วนทางด้านนายเอกภพ กล่าวว่า ต้องฝากเจ้าหน้าที่เอาให้อยู่ พบว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เกรงกลัวกฏหมายเลย ฝากตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ และ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการ เหตุที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นภัยสังคม เข้าใจว่าการติดตามต่างด้าวนั้นติดตามยากเนื่องจากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เแต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจไทย อย่างไรก็ตามหากจับตัวได้ไม่ว่าจะเป็นชาติ เขมน พม่า หรือ ชาติ จะมาก่อเหตุแบบนี้ไม่ได้ หากไม่ดำเนินการจริงจังจะทำให้ย่ามใจ เพราะฉะนั้นต้องล้างบางดำเนินการให้เด็ดขาด ไม่อยางนั้นจะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย

 

 

ภาพ/ข่าว เรืองริชม์ ปันเจริญธนกฤต ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.สมุทรปราการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อทุ่นระเบิดที่พรมแดนไทย-กัมพูชาเป็นของใหม่
"กรมวังผู้ใหญ่" ติดตามโครงการกำลังใจในพระดำริ "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา" ณ เรือนจำเขาพลอง
พบศพผูกคอปริศนา หลังตลาดกลางเมืองคอน เสียชีวิตแล้วกว่า 15 วัน
บุกจับคลินิกจัดฟันเถื่อนกลางเมืองภูเก็ต
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบประกาศเกียรติคุณ เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2568
“ผอ.สมท.” ลงพื้นที่ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เยี่ยมให้กำลังใจ "อาสาสมัคร" บรรจุถุงยังชีพเพื่อส่งต่อผู้ประสบภัยพิบัติ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​