วันที่ 11 ต.ค. เฟชบุ๊กของ Oat Picharn โพสต์ว่า เขมร โวยลั่นสหประชาชาติ ไทยรุกราน…ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน วัดและเจดีย์ อย่างเลวร้าย
ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ปราศรัยวง ExCom โวย ไทยรุกราน พยายามขยายดินแดนเข้ามาในกัมพูชา ขับไล่ครอบครัวชาวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน ยกการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทยเป็นตัวอย่างการขาดระบบพหุภาคี
พนมเปญโพสต์ รายงานว่า เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวถึงความสำคัญของระบบพหุภาคี โดยยกตัวอย่างการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทยในการขยายอาณาเขตเข้าไปในกัมพูชาว่าเป็นตัวอย่างสำคัญของการขาดระบบพหุภาคี โดยกัมพูชาได้พยายามกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า “ประเทศไทยพยายามขยายดินแดนเข้ามายังกัมพูชา”
นายดารา อิน ผู้แทนถาวรของกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวปราศรัยในการอภิปรายทั่วไประหว่างการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ExCom) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า…“ กัมพูชาเคยประสบกับการพลัดถิ่น เผชิญกับความขัดแย้ง และต่อมาได้ฟื้นฟูประเทศขึ้นใหม่ผ่านกฎหมาย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือ ประเทศได้ร่วมมือกับสหประชาชาติและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อปกป้องผู้ด้อยโอกาส ให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่แสวงหาที่ลี้ภัย และมีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพ การกำจัดทุ่นระเบิด และการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม แต่ถึงกระนั้น ถึงแม้เราจะพบกันที่นี่ หลักการที่ค้ำจุนสถาบันนี้ก็ยังคงถูกทดสอบตามแนวชายแดนของเรา การบุกรุกด้วยอาวุธจากประเทศไทยได้ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน วัดและเจดีย์ และปิดปากชุมชนที่เคยสงบสุข…
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ภัยคุกคามจากการขับไล่ครอบครัวชาวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของเรามาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเป็นการรณรงค์ภายใต้ข้ออ้างภายในประเทศที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเพิกเฉยต่อข้อตกลงทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ”