เกิดเหตุการณ์ปะทะอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มประชาชน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยตำรวจรายงานว่า มีผู้ถูกจับกุมจำนวน 49 ราย ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นผู้ขว้างปาก้อนหิน ขวด และระเบิดเพลิงใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งขัดขวางการสัญจรของรถยนต์บริเวณถนนและสะพาน ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ตำรวจฟิลิปปินส์ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งมีประมาณ 100 คน บางคนถือไม้เป็นอาวุธ และชูธงชาติฟิลิปปินส์ รวมทั้งป้ายกระดาษที่มีข้อความต่อต้านการทุจริต ได้ก่อเหตุวุ่นวายนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บกว่า 70 นาย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาในการสลายกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยผู้ก่อเหตุ ยังได้มีการพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพง ล้มเสาเหล็ก ทุบกระจกอาคาร และบุกทำลายล็อบบี้ของโรงแรมชั้นประหยัดแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนถนนสายหลัก ซึ่งรายล้อมไปด้วยมหาวิทยาลัย ธนาคาร และร้านอาหาร
หลังเหตุการณ์สงบ ตำรวจยังไม่สามารถระบุตัวตนของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แน่ชัด โดยบางรายพบว่า มีการถือธงสีดำพร้อมสัญลักษณ์หัวกะโหลกและกระดูกไขว้ รวมถึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า กลุ่มดังกล่าว มีส่วนร่วมกับการชุมนุมอย่างสงบในช่วงก่อนหน้านั้นหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ อยู่ภายในทำเนียบฯ ขณะเกิดเหตุหรือไม่ ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการจับกุม ตำรวจฟิลิปปินส์ระบุว่า สถานการณ์ได้ถูกควบคุมไว้แล้ว และขอย้ำว่า การใช้ความรุนแรงและการทำลายทรัพย์สิน จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเด็ดขาด
สำหรับเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าว เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่มีการชุมนุมอย่างสงบของประชาชนกว่า 33,000 คนในสวนสาธารณะประวัติศาสตร์ และอนุสรณ์สถานประชาธิปไตยในกรุงมะนิลา ผู้ชุมนุมได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อกรณีคอร์รัปชันครั้งใหญ่ที่พัวพันกับนักการเมือง ข้าราชการ และเจ้าของบริษัทก่อสร้าง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า รับสินบนจำนวนมหาศาล จากโครงการควบคุมน้ำท่วมในประเทศที่ไม่ได้มีอยู่จริง
ทั้งนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมอย่างสงบจำนวนมาก ต่างแสดงความโกรธเคืองต่อการทุจริตที่เกิดขึ้น โดยหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมคืออัลเธีย ตรินิแดด นักศึกษาจากจังหวัดบูลาคัน ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมบ่อยและเป็นหนึ่งในเขตที่พบว่า โครงการควบคุมน้ำท่วมถูกตรวจสอบว่า ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีอยู่จริง เธอกล่าวว่า ตนรู้สึกแย่มากที่พวกเราต้องทนทุกข์อยู่ในความยากจน สูญเสียบ้าน ชีวิต และอนาคต ขณะที่พวกเขากอบโกยผลประโยชน์จากภาษีของเรา เพื่อนำไปซื้อรถหรู เที่ยวต่างประเทศ และขยายธุรกิจขนาดใหญ่ของตนเอง
กระแสความไม่พอใจของสาธารณชนพุ่งสูงขึ้นอีก เมื่อคู่สามีภรรยาที่ร่ำรวย ซึ่งเป็นเจ้าของหลายบริษัทก่อสร้างที่ได้รับสัญญาโครงการควบคุมน้ำท่วม ออกรายการสัมภาษณ์กับสื่อ และอวดรถยนต์หรูจากยุโรปและสหรัฐ หลายคัน ที่ตนเองเป็นเจ้าของ โดยหนึ่งในรถยนต์หรูที่มีราคาสูงถึง 42 ล้านเปโซ (เกือบ 24 ล้านบาท) ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หลังจากที่พวกเขาให้เหตุผลว่า เลือกซื้อรถคันดังกล่าว เพราะมันแถมร่มมาให้ฟรี