“ทุน+การเมือง” คือ คู่ความขัดแย้งตัวจริงของ “ประชาชน”

"ทุน+การเมือง" คือ คู่ความขัดแย้งตัวจริงของ "ประชาชน"

“ทุน+การเมือง” คือ คู่ความขัดแย้งตัวจริงของ “ประชาชน”

ข่าวที่น่าสนใจ

“จากคอรัปชั่นเชิงนโยบายสู่การกำหนดนโยบายเพื่อคอรัปชั่น” และประชาชนคือกลุ่มเป้าหมาย ทางการตลาดที่สำคัญ เพราะการถูกบังคับซื้อด้วยเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตโดยตรง

 

รวยกระจุกจนกระจายยังคงเป็นวาทกรรมที่สื่อสารให้เห็นถึงความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมจากอดีตจนถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น

 

ประเทศไทยยังคงมีประชากร ที่มีความยากจนอยู่มาก นั่นไม่ใช่เพราะโชคชะตาราศี แต่เป็นเพราะคนเหล่านั้นถูกเอารัดเอาเปรียบ ด้วยแนวทางและนโยบายของผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย

ที่กำหนดให้ ประชาชนเป็นเหยื่อทางการตลาด ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่สูงซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านั้นแทนที่จะเป็นไปในรูปแบบของรัฐสวัสดิการแต่กลับถูกนำเอาไปให้เอกชนบริหารจัดการเพื่อหาผลกำไรจากประชาชน

 

ในขณะเดียวกันมีกลุ่มคน เพียงไม่กี่กลุ่ม ที่ร่ำรวย มหาศาล จากการนำเอาทรัพยากรของชาติไม่ว่าจะอยู่บนพื้นดิน ใต้ดิน ใต้น้ำ ในอากาศ ไปหาประโยชน์ จากประชาชนผู้เป็นเจ้าของตัวจริง

คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้นคือ
กลุ่มคนเหล่านั้นทำได้อย่างไร? หากอำนาจรัฐไม่

 

เอื้อประโยชน์ให้ หากเปรียบเทียบกัน ประเทศชาติรัฐบาล ตลอดจนข้าราชการ หน่วยงานองค์กรมหาชน องค์กรอิสระต่างๆ ที่ถูกตั้งขึ้นมาและกินเดือนเงินภาษีของประชาชนไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะบริหารจัดการทรัพยากรของชาติเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนใช่หรือไม่ ?

 

 

หรือมีเหตุผลอื่นจนต้องปล่อยให้ทุน ที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์บนการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนใช่หรือไม่ ?

 

อะไรที่ทำให้ทุนเหล่านั้นสามารถครอบครอง ผลประโยชน์จากทรัพยากรของชาติและขูดรีดเอากับประชาชนที่เป็นเจ้าของตัวจริงได้

 

 

หากไม่ใช่การสมคบคิดระหว่างผู้มีอำนาจทางการเมืองและกลุ่มทุน ในรูปแบบของการเมืองและทุนร่วมกันกำหนดนโยบายจัดสรรทรัพยากรที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของพี่น้องประชาชนให้ตกไปอยู่ภายใต้การจัดการของกลุ่มทุนในรูปแบบของสัมปทานหรืออื่นๆ และนำกลับมาขายและ/หรือให้บริการกับประชาชนซึ่งถูกคำนวณอยู่ในแผนธุรกิจของกลุ่มทุนรายนั้นๆ อยู่แล้ว

กลุ่มทุนก็จะอาศัยโอกาสนี้ในการแสวงหาผลประโยชน์ขั้นที่หนึ่งคือใช้โอกาสดังกล่าวระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ มูลค่าของหุ้นที่จะสูงขึ้น ได้เงินก้อนใหญ่ด้วยเหตุที่ว่าสินค้าและหรือบริการดังกล่าวมีโอกาสทางการตลาดที่กว้างขวาง ซึ่งนั่นก็คือพี่น้องประชาชนคนไทยนั่นเอง

จากนั้นขั้นที่สอง ก็ดำเนินกิจการ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โดยมุ่งหวังกำไรสูงสุดแต่คนที่ต้องรับภาระก็คือ ประชาชนนั่นเอง

นี่คือที่มาของวาทกรรม
“จากคอรัปชั่นเชิงนโยบาย”
“สู่การกำหนดนโยบายเพื่อการ คอรัปชั่น”

#สร้าง ประชาชน ให้เป็นพลเมือง
#ผู้บริหารประเทศที่ดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"คปท.-กองทัพธรรม" บุกสำนักอัยการสูงสุด จี้อุทธรณ์คดี "ทักษิณ" ผิด 112 โฆษกอสส.แจงขยายเส้นตายไป 22 ต.ค.68
ชาวโคราชพร้อมใจอวยพรวันเกิด “แม่ทัพกุ้ง แม่ทัพภาค2” ฮีโร่แห่งภาคอีสาน
“นฤมล” สั่งรีเซ็ตระบบย้ายขรก.ครู TRS ย้ำต้องโปร่งใส แต่ควรยืดหยุ่นโอกาส สร้างสมดุลคุณภาพชีวิต
"จตุพร" มองเกม "เพื่อไทย" เรียกเชื่อมั่น จัดหนักแน่ 4 เดือนรัฐบาลสีน้ำเงิน
"ทุน+การเมือง" คือ คู่ความขัดแย้งตัวจริงของ "ประชาชน"
ปทุมธานี- รถขนต่างด้าวเสียหลักชนแท่นแบริเออร์ตกร่องกลางดับ 2 บาดเจ็บ 7

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​