เอาจริง ‘เอกนัฏ’ ประกาศห้ามตั้งขยายโรงงานที่ใช้สารปรอท-ในกระบวนการผลิต มีผลบังคับ 1 ก.ย.นี้

เอกนัฏ ลงนามประกาศห้ามตั้ง-ขยายโรงงานที่ใช้สารปรอทและห้ามใช้สารปรอทในกระบวนการผลิต มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

เอาจริง ‘เอกนัฏ’ ประกาศห้ามตั้งขยายโรงงานที่ใช้สารปรอท-ในกระบวนการผลิต มีผลบังคับ 1 ก.ย.นี้ – Top News รายงาน

 

 

 

เอกนัฏ

 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ลงนามในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตและห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต พ.ศ. 2568 ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติในหลักการร่างประกาศฯ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 มีเป้าหมายเพื่อควบคุมและเลิกการใช้และการปลดปล่อยปรอทจากแหล่งกำเนิดตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ ที่มุ่งเน้นการควบคุม ลด และเลิก สำหรับการผลิต การนำเข้าและส่งออก การใช้ การปลดปล่อย การปล่อยปรอทและสารปรอท จากแหล่งกำเนิดที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญ รวมถึงแหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมปรอท กระบวนการผลิตที่มีการใช้ปรอท การทำเหมืองแร่ทองคำพื้นบ้านขนาดเล็ก การจัดการของเสีย และพื้นที่ปนเปื้อนปรอท ซึ่งจะเห็นได้ว่าครอบคลุมในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่อากาศและปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น โดยประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 และอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้กับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2560 เป็นต้นมา

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“กระทรวงอุตสาหกรรมพยายามในทุกช่องทางเพื่อปกป้องประชาชนจากการประกอบการที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนและชุมชน การลงนามฯในครั้งนี้ นับเป็นการป้องกันจากอันตรายที่เกิดจากสารปรอทในภาคอุตสาหกรรมได้ชัดเจน เช่นเดียวกับที่ผมได้ลงนามเรื่องห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตฯ เป็นระยะเวลา 5 ปี มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 ตามมติ ครม. ไปก่อนหน้านี้ เพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ประกอบการที่ไม่ประสงค์ดีเช่นกัน” นายเอกนัฏกล่าว

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ประกาศกระทรวงฉบับนี้ มีขอบเขตในการควบคุมโรงงานใน 5 กระบวนการผลิต ได้แก่ การผลิตคลอร์-แอลคาไล การผลิตอะซีตัลดีไฮด์ที่ใช้ปรอทและสารประกอบปรอทเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา การผลิตสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ การผลิตโซเดียมหรือโพแทสเซียม เมทิลเลต หรือเอทิลเลต และการผลิตโพลียูรีเทน ที่ใช้ปรอทเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต และห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตในโรงงาน ซึ่งประกาศดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการควบคุมการปลอดปล่อยปรอทจากกระบวนการผลิต ช่วยลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดความปอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อบทบาทของประเทศไทยในการปฏิบัติตามพันธกรณีประหว่างประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ การผลักดันการพัฒนากฎหมาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดช่องทางเพื่อขยายโอกาสทางการค้าโดยใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการเจรจาทางการค้าได้อย่างเป็นดี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีความลงตัวกับกติกาสากล ตลอดจนเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในที่สุด

 

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลทางด้านกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และ พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งหนึ่งในประเด็นการดำเนินงานให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามตะฯ คือ การควบคุมกระบวนการผลิตที่มีการใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอท ตามพันธกรณีข้อ 5 ของอนุสัญญามินามาตะฯ ซึ่งจากการทำงานร่วมกันระหว่าง กรอ. และภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความพร้อมในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการเลิกใช้ปรอทและสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตดังกล่าว กรอ. ออกประกาศกระทรวงดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำปรอทและสารประกอบปรอทมาใช้ในโรงงานหรือสถานประกอบการใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

“ประกาศกระทรวงฉบับนี้ จะส่งผลทางบวกต่อภาคอุตสาหกรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นการยืนยันว่ากระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการใช้ปรอทและสารประกอบปรอท ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย การป้องกันมิให้มีการนำปรอทและสารประกอบปรอทมาใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงานใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะช่วยให้สถานประกอบการหรือโรงงานดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความลงตัวกับกติกาสากล และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน” นายพรยศ กล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อดีต สว.สมชาย” ยังมั่นใจยุติธรรมไทย เปิดไทม์ไลน์ตัดสิน 3 คดี นำเปลี่ยนแปลงประเทศ
ชลบุรี ตำรวจพัทยารวบหนุ่มอินเดียคาโรงแรม ทำสลิปโอนปลอมเกือบแสน
ธารน้ำใจ ! ชาวเมืองพัทยาหลั่งไหล ระดมอาหาร น้ำดื่ม และข้าวของเครื่องใช้ส่งไปช่วยเหลือ ทหาร ปชช. ชายแดนไทย-กัมพูชา
"ป.ป.ส." ส่งเส้นผม “เป๊ก ผลิตโชค” ตรวจหาสารเสพติดแล้ว หลังปฏิเสธตรวจเลือด ปมทะเลาะเดือดกลางปั๊มน้ำมัน
ฉะเชิงเทรา กำนันผู้ใหญ่บ้านคึกคักรับรางวัลประดับเครื่องหมาย
กัมพูชากวนใจทุกวัน "โฆษก ทบ." ย้ำไทยคุมตัวทหารเขมร 18 นาย ตามหลักสากล ยันนานาชาติเข้าใจวิธีปฏิบัติ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​