“ผู้การแบน” สอบเข้ม “ชายเขมร” ตระเวนถ่ายแนวปะทะชายแดน เจ้าตัวปากแข็งไม่ใช่สายลับ แต่ขายน้ำในไทยนานแล้ว

พล.ต.ต.สุคน ผู้การสุรินทร์ สอบเข้มชายเขมรขับรถตระเวนถ่ายรูปตามหลุมหลบภัย เจ้าตัวปฏิเสธไม่ใช่สายลับ ทำงานขายน้ำที่ไทยนานแล้ว อ้างเพียงส่งรูปให้น้องสาวดู เมืองเงียบ-ค้าขายไม่ได้ จนท.ประเมินแล้วสรุปไม่ใช่สายลับ แต่ต้องเพิกถอนพาสปอร์ต เนื่องจากเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย ปชช.

“ผู้การแบน” สอบเข้ม “ชายเขมร” ตระเวนถ่ายแนวปะทะชายแดน เจ้าตัวปากแข็งไม่ใช่สายลับ แต่ขายน้ำในไทยนานแล้ว – Top News รายงาน

 

ผู้การแบน

 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 12.00 น. ร.ต.ท.ปิยะณัฐ ผงทวี รอง สว.(สอบสวน) ได้รับแจ้งจาก สายตรวจตำบลด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ชรบ.ประจำหมู่บ้านด่าน พบชายชาวกัมพูชาขับรถตระเวนถ่ายภาพหลุมหลบภัยในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทราบชื่อภายหลังคือ MR. VIRAK THEP (นายวีระ เทพ) อายุ 52 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งสามารถสื่อสารภาษาไทยได้อย่างชัดเจน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาที่สถานีตำรวจภูธรกาบเชิง โดยในช่วงแรกมีกระแสข่าวบุคคลดังกล่าวเป็น ”สายลับเขมร“

ความคืบหน้าล่าสุด 18.00 น. พลตำรวจตรี สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เดินทางเข้ามาตรวจสอบและสอบปากคำเบื้องต้นด้วยตัวเอง พร้อมประชุมกับหลายฝ่ายทั้งตำรวจ, ทหาร และ ตม. อีกทั้งมีรายงานแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ส่งฝ่ายความมั่นคงมาจากกรุงเทพฯ ด้วยเนื่องจากเกรงกระทบเรื่องความมั่นคง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ช่วงหนึ่งพบว่า พลตำรวจตรี สุคนธ์ เข้าไปสอบถามนายวีระ โดยอนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปด้วย เจ้าตัวยืนยันว่า ตนไม่ใช่สายลับจากฝั่งเขมร ตนเป็นคนเขมรที่เข้ามาทำอาชีพเป็นพ่อค้าขายน้ำอยู่ฝั่งไทยมานานแล้ว และอยากให้น้องสาวมาขายน้ำด้วย จึงถ่ายรูปส่งให้น้องดูว่าจุดที่ตนอยู่เป็นเมืองร้างไม่มีคนสัญจร ตนขายอยู่ก็ไม่ได้เงินเลย ส่วนน้องสาวของตนนั้นตอนนี้อยู่ฝั่งเขมรไม่สามารถข้ามฝั่งมาที่ประเทศไทยได้ และยืนยันว่าน้องสาวไม่ได้ส่งรูปต่อให้กับคนอื่น ซึ่งสามารถดูโทรศัพท์ของตนได้ พร้อมให้ตรวจสอบ พร้อมย้ำอีกว่า ตนไม่ใช่สายลับจากฝั่งเขมรแน่ ตนไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไม่รู้ว่าการถ่ายภาพไปแบบนี้นั้นผิดกฎหมาย

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการประชุมร่วมกันและมีการดูหลักกฏหมายว่าจะเข้าข่ายความผิดได้หรือไม่ซึ่งเบื้องต้นประเมินไว้ว่า อาจเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 บัญญัติเกี่ยวกับความผิดฐานอุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก โดยผู้กระทำจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 15 ปี หากการกระทำนั้นเป็นการทำให้ทรัพย์สินหรือสถานที่ที่ใช้ในการสงครามเสียหาย หรือยุยงให้ทหารละทิ้งหน้าที่ หรือเป็นจารกรรม หรือกระทำการอื่นใดเพื่อให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต   และมาตรา 123 ในประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวข้องกับการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือสิ่งที่เป็นความลับเพื่อความปลอดภัยของประเทศ โดยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี

 

ท้ายที่สุดจากการตรวจสอบในเบื้องต้น จากพยานหลักฐานและแวดล้อมต่างๆไม่เข้าข่ายความผิด 2 มาตราดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบเอกสารเดินทาง พบว่ามีพาสปอร์ตถูกต้อง และเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ซึ่งจะสิ้นสุดวีซ่าในวันที่ 21 สิงหาคม 2568

จากนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายประเมินร่วมกัน สรุปว่าชายคนดังกล่าวไม่ใช่สายลับ แต่เป็นคนที่มาอาการเสพติดแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ ตม. ประเมินว่า เข้าข่ายความผิด มาตรา 12 (7) พ.ร.บ.คนเข้าเมือง

“ผู้ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรต้องไม่เป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์อันจะเป็นอันตรายต่อสังคมหรือความมั่นคงของรัฐ หรือเป็นบุคคลซึ่งทางราชการต่างประเทศได้ออกหมายจับไว้”

ดังนั้น ต้องยกเลิกพลาสปอร์ต และส่งตัวให้ ตม.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่น และความปลอดภัยของประชาชน

 

  

 

ภาพ : ทศฤทธิ์ วัฒนราษฎร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ทักษิณ” ซัด “ฮุนเซน” บ้าคนเดียวก่อสงครามไทย-กัมพูชา ยันขัดแย้งชายแดน ไม่ใช่เรื่องของสองตระกูล
เตือนพื้นที่อันตราย "ทหารกัมพูชา" คลั่งหนัก เตรียม "ขีปนาวุธ PHL-03" ระบบยิงระยะไกล ขอให้ปชช.แนวชายแดนเฝ้าระวังใกล้ชิด
ฉะเชิงเทรา เขมรเตรียมกลับบ้านแห่ขายของรถราคาถูกเริ่มต้นที่ 500 บาท
ด่วน "กองทัพภาคที่ 2" ยันตรวจสอบแล้ว เหตุกระสุนปืนตก ทำลายบ้านเรือนฝั่ง "ส.ป.ป.ลาว" เป็นของกองทัพกัมพูชา
เอกราชไม่ให้ใครข่มขี่ "กองทัพไทย" ปักธงไตรรงค์เหนือ "ภูมะเขือ" ไล่ทหารเขมรพ้นแผ่นดินสำเร็จ
"ทูตไทยประจำ UN" แถลงประจานพฤติการณ์ "กัมพูชา" รุกล้ำอธิปไตย ละเมิดสนธิสัญญาฯ วางทุ่นระเบิดทำร้าย 2 ทหารขาขาด ซ้ำรัวอาวุธยิงใส่ก่อน ทำปชช.ผู้บริสุทธิ์ เจ็บ ตาย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​