ขแมร์ ไทมส์ สื่อทางการกัมพูชา รายงานว่า การค้าทวิภาคีไทย-กัมพูชา ที่ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มมูลค่าแตะ 1 พัน 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2570 อาจเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ขู่ว่าการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับ เป็นหนึ่งในมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา หลังผลตรวจสอบยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดกัมพูชาที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ
"กัมพูชา" ร้อนพล่าน ขู่ไทยถ้าเรียกทูตกลับ กระทบแน่การค้า ศก.ชายแดน มูลค่า 4.8 แสนล้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสองเดือนก่อน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา กับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ให้คำมั่นว่าจะกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายแตะระดับ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์ในสองปีข้างหน้า ระหว่างที่ทั้งสองพบกันที่มาเลเซีย ทั้งยังหารือยกระดับโครงสร้างพื้นฐานลอจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกทางการค้า ขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เกษตรกรรม การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และประเด็นความมั่นคงนอกแบบ
เขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน-กัมพูชา เป็นเรื่องหลักของการหารือในครั้งนั้น และคาดว่าจะเป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างมาก แต่สามวันให้หลัง ทหารกัมพูชาถูกยิงเสียชีวิต ปลุกความรู้สึกอ่อนไหว “ที่มีมานานเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการปักปัน” และบดบังแผนการทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอีกด้วย ภาคส่วนที่พึ่งพาชายแดน เช่น เกษตรกรรม ภาคการผลิต การค้าปลีก และการขนส่ง ล้วนได้รับผลกระทบ และอาจทำให้โครงการลงทุนที่กำลังดำเนินอยู่ รวมถึงการลงทุนของไทยในเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชาต้องหยุดชะงัก
ขแมร์ ไทมส์ อ้างความเห็น นายสวน สม นักวิเคราะห์การเมืองราชวิทยาลัยกัมพูชา ชี้ว่า การบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคี กว่า 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ ท่ามกลางกระแสต่อต้านสินค้าไทยในกัมพูชา การปิดด่านชายแดน และความร่วมมือทวิภาคีที่ไม่มีความคืบหน้าปรากฏ หากรัฐบาลไทยตัดสินใจใช้มาตรการการทูตแข็งกร้าว อย่างเรียกเอกอัครราชทูตกลับ หรือปิดสถานทูตในพนมเปญ ความตึงเครียดจะยิ่งร้าวลึก กระทบสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน กัมพูชาและไทยมีชายแดนติดกันกว่า 800 กิโลเมตร ไม่อาจย้ายหนีได้ ทางเลือกดีที่สุดคือการสื่อสารและหาทางออกอย่างโปร่งใส สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบสุขสำหรับพลเรือนและภาคธุรกิจสองฝ่าย
สื่อทางการกัมพูชาย้ำว่า การเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับ จะถือเป็นการยกระดับอย่างร้ายแรง และหากไทยใช้มาตรการนี้เป็นจริง อาจนำไปสู่การปิดสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ กระทบช่องทางสื่อสารการทูต เสี่ยงทำให้ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนยุ่งยากซับซ้อน การอำนวยความสะดวกทางการค้าจะช้าลง และเพิ่มความล่าช้าที่ด่านชายแดน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง