รอยเตอร์สรายงานว่ามาร์กอสจะเป็นผู้นำคนแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ได้เข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยหวังจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐก่อนกำหนดเส้นตาย 1 สิงหาคม และเพื่อให้มั่นใจว่าฟิลิปปินส์จะต้องได้ข้อตกลงที่ดีกว่าอาเซียนชาติอื่นในฐานะพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
มาร์กอสได้แถลงก่อนออกจากกรุงมะนิลาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงประเด็นการหารือกับทรัมป์ว่านอกจากจะพูดคุยเรื่องความมั่นคงแล้ว ก็จะหารือเรื่องภาษีตอบโต้กรณีที่สหรัฐสั่งเพิ่มอัตราภาษีฟิลิปปินส์จากเดิม 17% ในเดือนเมษายนขึ้นเป็น 20% โดยมาร์กอสหวังว่าการพบปะพูดคุยกันจะทำให้ทรัมป์เปลี่ยนใจลดภาษีลง
ทั้งนี้ฟิลิปปินส์ได้ดุลการค้าสหรัฐเกือบ 5 พันล้านดอลล่าร์หรือราว 1 แสน 6 หมื่นล้านบาท
ด้านเกรกกอรี่ โพลิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์การศึกษาเชิงกลยุทธ์และระหว่างประเทศที่กรุงวอชิงตันกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่มาร์กอสอาจจะได้ดีลหรือข้อตกลงที่ดีกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยเวียดนามมีดีลภาษีอยุ่ที่ 20% ส่วนอินโดนีเซีย 19% โพลลิ่งกล่าวว่าเขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าฟิลิปปินส์ได้ดีลที่ต่ำกว่าทั้งสองประเทศ
มาร์กอสเดินทางถึงกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ (อาทิตย์ที่ 20 กค.) และจะพบกับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศและพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นก่อนเข้าพบทรัมป์ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งประมาณพุธเช้าตามเวลาไทย (23 กค.) และจะพบกับกลุ่มนักธุรกิจอเมริกันด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่าผู้นำฟิลิปปินส์จะเน้นหารือเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐ โดยเฉพาะประเด็นกำแพงภาษี ซึ่งมาร์กอสต้องการชี้ให้ทรัมป์เห็นว่าการที่ฟิลิปปินส์จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐในภูมิภาคอินโดแปซิฟิคนั้น ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้สองผู้นำก็จะหารือเรื่องการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงด้วย