“ฮุน มาเนต” มาใหญ่ จี้ 3 เงื่อนไข ไทยต้องเปิดด่านก่อน “ชาวเขมร” วุ่นหนัก เจอกม.เกณฑ์ทหารใหม่
ข่าวที่น่าสนใจ
14 ก.ค.2568 นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดศูนย์ฝึกกองราชอาวุธหัถต์ พนมชุม เซน ริกเรย จ.กำปงชนัง ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 32 ปี การสถาปนากองราชอาวุธหัถต์ โดยระบุว่า กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติบนพื้นฐานของกฎหมายและกลไกทวิภาคี
“เรายังคงดำเนินการแก้ไขความตึงเครียดชายแดนโดยใช้พื้นฐานทางกฎหมายและเทคนิคภายใต้กฎหมายระดับชาติและระหว่างประเทศ รวมถึงกลไกทวิภาคี ยกเว้นใน 4 พื้นที่อ่อนไหว ที่ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เรามุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง แต่กัมพูชาขอสงวนสิทธิในการป้องกันตนเองและคุ้มครองอธิปไตยทุกวิถีทาง” ฮุน มาเนต กล่าว
ผู้นำกัมพูชากล่าวเสริมว่ากัมพูชาได้แจ้งสหประชาชาติเกี่ยวกับพื้นที่อ่อนไหวทั้ง 4 จุด และมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายพร้อมที่จะแก้ไขปัญหานี้
ฮุน มาเนต ยืนยันว่ากัมพูชามุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เพียงแต่ในเรื่องของพรมแดนและวัฒนธรรม แต่ยังรวมถึงด้านเศรษฐกิจ
“ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันมา 75 ปี และในทุกด้าน เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน และหลีกเลี่ยงการกระทำฝ่ายเดียว” ฮุน มาเนต กล่าวย้ำ
“กัมพูชาต้องการความชัดเจน เพราะไทยยังคงดำเนินการฝ่ายเดียว ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ไทยค่อยๆ ปิดด่านชายแดนและลดเวลาทำการ จากนั้นในวันที่ 23 มิ.ย. ได้ปิดพรมแดนทั้งหมดโดยระงับการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คน ยกเว้นนักเรียนและผู้ป่วยฉุกเฉิน ต่อมา แม้ว่าจะเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ผู้คนและยานพาหนะก็ยังถูกจำกัด แล้วกัมพูชาจะตอบสนองอย่างไร?” ฮุน มาเนต ตั้งคำถาม
ทั้งนี้ ผู้นำกัมพูชาได้กำหนดเงื่อนไข 3 ข้อ สำหรับการเปิดพรมแดนอีกครั้ง โดยระบุว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับประเทศไทย โดยประการแรก ไทยต้องเปิดพรมแดนอีกครั้งโดยฝ่ายเดียว และรับประกันว่าการปิดพรมแดนฝ่ายเดียวเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ประการที่ 2 ด่านชายแดนทั้งหมดต้องเปิดอีกครั้ง ซึ่งการเปิดเพียงบางส่วนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และประการที่ 3 พรมแดนต้องกลับไปเปิดทำการตามเวลาเดิมก่อนวันที่ 7 มิ.ย. คือตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 22.00 น. ทั้งคนและสินค้า
“หากประเทศไทยปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ประการนี้ กัมพูชาจะเปิดพรมแดนทั้งหมดอีกครั้งภายใน 5 ชั่วโมง เรากำหนดเงื่อนไขเหล่านี้เพราะเราไม่ต้องการเล่นเกมแมวไล่จับหนูอีกต่อไป” ฮุน มาเนต กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังประกาศว่า กฎหมายเกณฑ์ทหารของกัมพูชา ที่ประกาศมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม ปี 2549 แต่ยังไม่เคยมีผลบังคับใช้มาก่อน จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 2569 โดยชาวกัมพูชาทั้งเพศหญิงและชายที่มีอายุระหว่าง 18 ปี ถึง 30 ปี จะต้องมีภาระหน้าที่ทางทหาร แต่พันธะทางการทหารของผู้หญิงจะขึ้นอยู่กับความสมัครใจ อีกทั้งกฎหมายได้เพิ่มระยะเวลาการเกณฑ์ทหารขึ้นจากเดิม 18 เดือนเป็น 24 เดือน เพราะระยะเวลาการเกณฑ์ทหารเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อการฝึกอย่างครบถ้วน และการขยายระยะเวลาเป็น 24 เดือนนั้น
สอดคล้องไปกับหลักปฏิบัติของหลายประเทศ และผู้ที่ผ่านการเกณฑ์ทหาร 2 ปีแล้วจะสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปใช้ชีวิตพลเรือนหรือจะสมัครเข้ากองทัพกัมพูชา ซึ่งกฎหมายการเกณฑ์ทหารของกัมพูชาเป็นการเสริมประสิทธิภาพของกองทัพ เพื่อให้มั่นใจว่ากัมพูชาจะมีกองกำลังสำรองที่มีความพร้อม
ฮุน มาเนต ยังได้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อเสริมการป้องกันประเทศ และกองทัพกัมพูชาจะต้องเพิ่มความทันสมัยใน 3 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนา และการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรบุคคล แต่การเพิ่มการป้องกันประเทศและสร้างกองทัพให้มีความเข้มแข็งขึ้นไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อยึดดินแดนของประเทศอื่น แต่เพื่อเป็นการปกป้องดินแดนของกัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น