“พิชัย” มั่นใจไทยยังเจรจาลดภาษีได้ หลังสหรัฐขยับเส้นตายให้ถึง 1 ส.ค.นี้

"พิชัย" มั่นใจไทยยังเจรจาลดภาษีได้ หลังสหรัฐขยับเส้นตายให้ถึง 1 ส.ค.นี้

วันนี้ (8 ก.ค. 2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีจากไทย 36% เมื่อคืนวันที่ 7 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมาว่าเรื่องนี้ยอมรับว่ามีช็อก บ้างช็อกนิดหน่อย แต่เราเลยจุดนี้มาแล้ว และคาดว่าการยื่นจดหมายเก็บภาษี 36% นั้นเป็นเรื่องเวลาของทั้งฝั่งไทยและสหรัฐเพราะใกล้จะถึงเดดไลน์ 9 ก.ค. 2568 ตามที่สหรัฐกำหนดจดหมายจึงออกมาก่อน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ที่ไทยส่งไปล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

 

“สหรัฐหวังให้การเจรจามีความเข้มข้นขึ้นสรัฐจึงได้ส่งกฎหมายไปประเทศต่างๆ ตามที่เคยประกาศออกไป อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะประกาศลดภาษีไทยลงมาต่ำกว่า 36% แน่นอน ซึ่งจะใช้ระยะเวลาที่เหลือจากนี้เจรจาให้ทันก่อนเดดไลน์ 1 ส.ค. 2568 ซึ่งเท่ากับว่ายังมีเวลาในการเจรจาอีก 20 วัน โดยคาดว่าข้อเสนอเก่าที่ไทยยื่นไป สหรัฐอาจจะสรุปยังไม่เสร็จ ดังนั้นคาดว่าสหรัฐอาจจะนำข้อเสนอเก่าของไทยรวมกับข้อเสนอใหม่ไแล้วรวมพิจารณาทีเดียว ซึ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของภาษีที่สรัฐจะเรียกเก็บกับไทยให้น้อยลง”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้เมื่อคืน (7 ก.ค. 2568) ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของไทยประจำสหรัฐไปติดคงามคืบหน้าของข้อเสนอใหม่ที่ไทยเสนอไป โดยทางสหรัฐระบุว่ากำลังเร่งดูข้อเสนอไทยอยู่ เพราะหลายประเทศก็อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาการค้าอยู่

นายพิชัย กล่าวต่อว่าการปรับปรุงข้อเสนอล่าสุดนั้นเราได้ดำเนินการจากที่เราได้มีการเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้ากับสหรัฐ (USTR) และได้นำข้อเสนอมาปรับปรุงใหม่ ดังนั้นสิ่งที่สหรัฐจะดูคือดูจากการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้ให้ข้อสังเกต สำหรับข้อเสนอที่ไทยให้สหรัฐไปก็ไม่น้อยซึ่งถือว่าสูงทีเดียว โดยเราลดภาษีนำเข้าให้กับสินค้าสหรัฐ 90% ของสินค้าที่นำเข้ามาที่ไทย และมีบางรายการที่ภาษีนั้นเป็นศูนย์ แต่ก็มีอยู่ประมาณ 10% ที่เราให้ไม้ได้เพราะต้องดูแลผู้ประกอบการในประเทศ และต้องพิจารณามาตรการภาษีไม่ให้กระทบกับสินค้าประเทศอื่นที่ไทยทำ FTA ไปแล้วที่เรามีตลาดอยู่เช่นกัน

 

 

นายพิชัยยังกล่าวต่อด้วยว่าในระยะต่อไปไทยต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพราะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกมากจะมีปัญหา ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออกมากและพึ่งพาตลาดที่มีการกระจุกตัวขณะเดียวกันเราจะต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น สร้างความแข็งแกร่งให้เกษตรกรรม และที่สำคัญเครื่องจักรทางเศรษฐกิจอักตัวหนึ่งที่ไทยเหลืออยู่คือการท่องเที่ยวซึ่งจะต้องมีการปรับทัพใหม่ขนาดใหญ่ เช่น การสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้มากขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แถลงข่าว “60 ปี คืนสู่เหย้า เรารวมใจ ชาวออมสิน”
เขมรไม่หุบปาก "ทูตกัมพูชา" ประจำยูเอ็น ใช้เวที ExCom ปราศรัยดราม่า กล่าวหาไทยรุกราน พยายามแย่งชิงดินแดน
"ครูแก้ว" นำทัพบุญใหญ่ ยอดกฐินทะลุ 1.7 ล้านบาท สร้างเมรุบ้านท่าบ่อ
ททท.สำนักงานเชียงใหม่ เปิดทิศทางการตลาดท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2569
ลำพูน สโมสรโรตารีนครหริภุญชัย ร่วมโรงเรียนรพีเลิศวิทยา จัดกิจกรรม UNITE FOR GOOD ปล่อยปลา ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันนวมินทรมหาราช
ฉะเชิงเทรา สังเกตการณ์รับมอบวัสดุเลือกตั้งนายก อบต.โพรงอากาศ จ.ฉะเชิงเทรา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​