ปอกเปลือก “เศรษฐกิจเขมร” ในยุค “ตระกูลฮุน” เข้าใจเลยทำไม ยกหูขอไทยอย่าปิดด่าน

ปอกเปลือก “เศรษฐกิจเขมร” ในยุค “ฮุน”

ปอกเปลือก “เศรษฐกิจเขมร” ในยุค “ตระกูลฮุน” เข้าใจเลยทำไม ยกหูขอไทยอย่าปิดด่าน – Top News รายงาน

 

เศรษฐกิจเขมร

 

 

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงนี้ “ดูชุลมุนวุ่นวาย” และ “เข้าทางเขมร” เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การลักลอบเข้ามาขุด “คูเลต” หรือ “บังเกอร์” บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี  ซึ่งมีความยาวถึง 650 เมตร ในฝั่งไทยกระทั่ง

 

การที่ทหารกัมพูชา “ขุดคูเลต” ในพื้นที่ฝั่งไทย คงไม่ได้เป็นคำสั่งของผู้หมู่ หรือผู้กองร้อย หรือผู้พัน แต่น่าจะเป็นคำสั่งลงมาจาก “ข้างบน” คำสั่งที่ละเมิด MOU-43 ที่ระบุว่า พื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ซึ่งทับซ้อนกัน หรือ ที่เรียกว่า “no man’s land” นั้น ห้ามไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้าไปกระทำการอย่างใดๆ โดยเด็ดขาด….. แต่ก็ดูเหมือนฝ่ายกัมพูชา “ต้องการมีเรื่อง”

 

ต้องการมีเรื่องอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มตั้งแต่ “ทหารยศพลตรีเขมร ซึ่งเป็นระดับผู้บังคับบัญชา” ขนทหารและพลเรือน ขึ้นไปร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม เมื่อ ก.พ.2568….

 

ถามว่า ทหารยศพลตรีที่ยังรับราชการอยู่….. จู่ๆ จะซี้ซั้วข้ามฝั่งเข้ามาในประเทศไทย แล้วแสดงออกถึงความรักชาติของตัวเองแบบนี้ โดยไม่มีคำสั่งจากหน่วยเหนือให้นั้น…… ควรจะถูกผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่า “ตบจนคว่ำ-แล้วสั่งขัง” โทษฐานเป็นทหารที่มียศสูง แต่กลับ “ก่อหวอด” สร้างความร้าวฉานกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่….

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ก็ยังมี “การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ต่างๆ” รวมทั้งการ “แหย่นิด-แหย่หน่อย” ซึ่งมักจะสร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างมหาศาลให้กับ “รัฐบาลไทย” เสมอมา ยกเว้นในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ “ฮุนเซ็น ไม่กล้าโผล่หัว” ออกมาทำเรื่องแบบนี้ เพราะรู้ว่า การเผชิญหน้าโดยตรงอาจไม่เป็นผลดี เนื่องจากในช่วงนั้น ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองภายในที่ค่อนข้างมั่นคง จึงอาจมีการตอบโต้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด

 

แต่ที่น่าสนใจก็คือ สถานการณ์นี้ สถานการณ์ที่กัมพูชา “แข็งกร้าวอย่างเป็นเอกภาพ” คือ ทั้งรัฐบาล , ทหาร  และประชาชน เดินไปในทิศทางเดียวกัน

 

แต่ “ท่าที” ของรัฐบาลไทย กับสวนทาง “กัมพูชา” อย่างชัดเจน…. สวนทางกระทั่งเกิดคำถามผู้คนในสังคมว่า “พรรคเพื่อไทย” กำลังจะทำอะไร ทำไมไม่จัดการ หรือไม่แก้ปัญหานี้ แบบมีชั้นเชิง มีฟอร์ม หรือ “มีศักดิ์ศรี” ให้สมกับความเป็นประเทศไทย….. ทำไมการแสดงออกของรัฐบาลไทย กลายเป็น “ความหงอ” หรือ ความเกรงใจกัมพูชาอย่างออกหน้าออกตา ….. ออกหน้าออกตา กระทั่ง “ภาพ” ของรัฐบาลภาย ใต้การนำพรรคเพื่อไทย “ที่ไม่ได้รับความไว้วางใจจาก” ประชาชนในเรื่องกัมพูชา “เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” ยิ่งไม่ได้รับความไว้วางใจเข้าไปอีก

 

ทีนี้เรา ตัดกลับไปที่ ตัวของ “ฮุน เซน” “ฮุน เซน” ที่คนไทยจำนวนไม่น้อย “กล่าวหา” ว่า มีอิทธิพลต่อเจ้าของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในบ้านเรานั้น ……..ผมว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้ว่แล้วา “ฮุนเซ็น” มีที่มาอย่างไร แต่คนไทยรุ่นใหม่ อาจจะยังไม่รู้ว่า “ฮุนเซ็น” เคยเป็นทหารเขมรแดง ที่ “แปรพักตร์” ง่ายๆ คือ “หักหลัง”เขมรแดง แล้วไปอยู่กับฝ่ายเวียดนาม ในปี 2520

 

การที่ “ฮุนเซน” เคยอยู่ในกองทัพเขมรแดง จึงทำให้มี “ข้อมูลเชิงลึก” เกี่ยวกับโครงสร้าง , การจัดกำลัง หรือกลยุทธ์ของเขมรแดงทั้งหมด และข้อมูลทั้งหมดนี้ “ฮุนเซน” นำติดตัวไปให้เวียดนาม…. เวียดนามที่ขณะนั้นกำลังทำสงครามกับกัมพูชา ซึ่งเป็นแผ่นดินเกิดของ “ฮุน เซน” ….. กระทั่งเวียดนาม สามารถรุกรานกัมพูชา และโค่นล้มเขมรแดง โค่นล้ม“พอล พต” ได้สำเร็จในปีก 2 ปีต่อมา ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกัมพูชา  และเป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวขึ้นสู่อำนาจของ “ฮุนเซน” ….. อำนาจที่ได้มาจากการแปรพักตร์ อำนาจที่ได้มาจากการหักหลังเพื่อร่วมชาติ ….. อำนาจที่ครอบครองกัมพูชาในฐานะผู้นำประเทศ “ที่อยู่ในอำนาจนานที่สุดคนหนึ่งของโลก” คือ

 

 

 

 

 

ช่วงแรก: ตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2536 ในฐานะนายกรัฐมนตรี แห่งสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา และรัฐกัมพูชา

ช่วงที่สอง: ตั้งแต่ปี 2541 ถึง 2566 ในฐานะนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรกัมพูชา หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และร่วมรัฐบาลกับพรรคฟุนซินเปกในช่วงสั้นๆ

 

เป็นผู้นำที่คิดเอาเองว่า ตัวเองและตระกูล “ฮุน” เป็นเจ้าของประเทศกัมพูชา….. ปี 2566 “ฮุน เซน” จึงยกตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกชายที่ชื่อ “ฮุนมาเน็ด”

 

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจของกัมพูชานั้น ไม่ต้องรื้อค้นให้เสียเวลา แต่จากภาพที่เห็น…. ภาพที่ประชาชนชาวกัมพูชา ต้องออกมาขายแรงงานในประเทศไทยนับแสนคนนั้น…. สวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่หน่วยงานราชการของ “ฮุน เซน” รายงานไปทั่วโลกว่า ในช่วง 3-4 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโต และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ที่บอกว่า เพิ่มขึ้นกว่า 9.4 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2568 และตลอดทั้งปีนี้  GDP ของกัมพูชา จะขยายตัวได้ถึง 6.3% …. โตต่อเนื่องมาโดยตลอดหลังจากสิ้นสุด โควิด-19 ……. แต่….. ประชาชนชาวกัมพูชา ยังยากจน-อดอยาก  และต้องทิ้งบ้านทิ้งเมือง ออกมาขายแรงงานในประเทศไทย

 

เห็นมั้ยครับ นี่เฉพาะตัวเลขแรงงานที่ถูกกฎหมายนะครับ….. ส่วน 2 แถวล่างคือ ม.59 และ ม.62 ที่ประเทศเปิดให้แรงงานในระดับ Officer , ระดับผู้เชี่ยวชาญ และระดับนักวิชาการ จากทั่วโลกเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้นั้น ,  ไม่มีเลยครับ…. ไม่มีแรงงานในกลุ่มนี้ที่เข้ามาอย่างเป็นทางการ จากประเทศกัมพูชาเลยแม้แต่คนเดียว …. ซึ่งหมายความว่า ทั้งหมดของแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย “เป็นแรงงานระดับล่าง….” ตรงนี้มีที่มาครับ ….. ที่มาจากระบบการศึกษา และโอกาสของคนกัมพูชาในการเข้าถึงระบบการศึกษาครับ…..

คือ “ฮุน เซน” อยู่ในอำนาจมา 38 ปี แต่ข้อมูลจาก CEIC Data ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจ การเงิน และอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลกครับ และ Charting the Globe เว็บไซต์ที่รวบรวมและนำเสนอข้อมูลสถิติและตัวชี้วัดสำคัญระดับโลก ระบุว่า

 

 

ระบุว่า ปี 2564 ประชากรกัมพูชาที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 5-6% เท่านั้น ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือสูงกว่า โดยแบ่งเป็นเพศชาย ประมาณ 6.2% และเพศหญิง ประมาณ 3.2%…… โดยกัมพูชา เป็นประเทศที่มีสัดส่วนของผู้สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา “ค่อนข้างต่ำ” เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน…..

เห็นมั้ยครับ อยู่ในอำนาจมา 38 ปี “ฮุน เซน” พัฒนาการศึกษาของประเทศได้แค่นี้ครับ….. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ได้แค่นี้ แต่ลูกตัวเองล่ะครับ…. ลูกตัวเอง จบต่างประเทศทุกคน….. “ฮุน มาเน็ด” ก็จบจากโรงเรียน “นายร้อยเวสต์ พอยต์” ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่า วิธีการเข้าเรียนอาจจะพิเศษหน่อย แต่ก็เรียนจนจบครับ….. นี่คือ ลูก “ฮุน เซน” ……. แต่ลูกชาวบ้าน ลูกประชาชน “ชั่งหัวมัน” เหรอครับ…. จะได้เรียน หรือไม่ได้เรียน จะมีความรู้ หรือไม่มีความรู้ “ฮุน เซน” ไม่สนใจ

 

เมื่อบริหารประเทศแบบนี้ แบบที่สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองและครอบครัวจนล้นฟ้า , กินอยู่…. เยี่ยงราชา  แต่…. อย่างที่บอกครับว่า ประชาชนกัมพูชาอดอยาก …. ตัวเลขเศรษฐกิจที่ ปั้นแต่งขึ้นมา แล้วบอกว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีนั้น ปรากฏว่า

 

 

เห็นมั้ยครับ รายได้ต่อหัวของ “คนเขมร” ตามรายงานของ Macrotrends.net และ World Bank ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก CEIC ระบุว่า GNI หรือ Gross National Income per Capita ซึ่งก็คือ รายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัวประชากร ของกัมพูชา อยู่ที่ 1,810 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 59,730 บาทต่อปี …. เดือนละ 4,977.5 บาท หรือวันละประมาณ 166 บาท

ในเมื่อปกครองแบบไม่ให้ความรู้ประชาชน แล้วผู้คนที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน อยู่ในประเทศกัมพูชา ทำมาหากินอะไรครับ….. นี่เลยครับ

 

 

เห็นมั้ยครับ เป็น หนุ่มโรงงาน,สาวโรงงาน…. โรงงานสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม  , โรงงานแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม , โรงงานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า , โรงงานเฟอร์นิเจอร์ และคนงานก่อสร้าง รวมทั้งคนงานเหมือง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ธุรกิจของ “ตระกูลฮุน” และเครือญาติ รวมทั้งของเพื่อนสนิท-มิตรสหาย “ทั้งสิ้น” เจ้าของกิจการที่มีประชาชนคนเขมรเป็นลูกจ้าง…. ลูกจ้างที่มีค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือน

 

….. เดือนละนะครับ…… เดือนละ 208 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่งจะเพิ่มขึ้นจาก 206 ดอลลาร์สหรัฐ มาตั้งแต่ 1 ม.ค.2568…… 208 เหรียญ หรือ ราว 6,864 บาท ครับ…. หรือวันละ 228 บาท จะอยู่กันยังไงครับ เพราะค่าครองชีพ โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่วางขายตามตลาดอยู่ในระดับสูง…… สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ต้องนำเข้าจากประเทศไทย

 

 

โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการนำเข้าสินค้าไทยของกัมพูชา ซึ่งก็คือ ตัวเลขการค้าระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ปี 2568 ตั้งแต่ม.ค.-เม.ย. พบว่า

 

 

ประเทศไทยได้ดุลการค้ากัมพูชา 89,397.85 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้า ทั้งสิ้น 107,297.86 ล้านบาท แต่มีมูลค่าการนำเพียง 17,900.01 ล้านบาท

แต่เฉพาะ เม.ย.เดือนเดียว ตัวเลขการค้าของทั้ง 2 ประเทศ อยู่ที่ประมาณ 15,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจถึง 36.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยประเทศไทยยังคงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบดุลการค้ากัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง

ตรงนี้หมายความว่า ยังไงครับ….. หมายความว่า อุตสหกรรมการผลิตของประเทศกัมพูชา ซึ่งก็คือ อุตสหกรรมของกลุ่มตระกูลฮุน และเครือญาตินั้น …… ไม่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค เพื่อการจำหน่ายในประเทศเลย….. แต่อาศัยการนำเข้าจากประเทศไทย จากเวียดนามเป็นหลัก…. แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า คนเขมร นิยมสินค้าอุปโภค-บริโภคจากประเทศไทย มากกว่าสินค้าจากเวียดนาม  สินค้าไทยที่ขนเข้าไปขายเท่าไหร่ก็ไม่พอก็คือ

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องกลับมาที่ “รายได้ต่อหัวต่อวัน” ของคนเขมรที่บอกว่า มีรายได้วันละ 228 บาทนั้น ไหวมั้ยครับ คำตอบคือ ไม่ไหว ดังนั้น “คนเขมร” จึงต้องเดินทางเข้ามาหางานมำในประเทศไทย ประเทศไทยที่มีค่าจ้างและสวัสดิการ ให้กับแรงงานเขมร ดีกว่า “รัฐบาลตระกูลฮุน” จึงเท่ากับทุกวันนี้ ประเทศไทย “เลี้ยงดูประชาชนชาวเขมร แทน “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเน็ด” ครับ คือ มีงานให้ทำ มีข้าวให้กิน มีเงินให้ส่งกลับไปให้ครอบครัวของตัวเอง และมีที่ให้หลับนอน นี่คือ ผู้นำเขมร ที่มาจาก “ตรกูล ฮุน” ผู้นำที่เลี้ยงประชนชนของตัวเอง ด้วยการฝากให้ประเทศไทยเลี้ยงคนเขมร เพราะตัวเอง “ไม่มีปัญญา” นอกจากการกอบโกยทรัพย์สินเงินทองเข้าครอบครัวตัวเองครับ…..

ดังนั้น หลังการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปลายเดือน พ.ค.2568 จึงมีข่าวออกมาว่า “ทหารไทย” เตรียมแผน “ปิดด่านชายแดน” ทุกด่าน….. และชข่าวที่ว่านี้ ก็รั่วไปถึงฝั่งเขมร กระทั่งมีรายงานว่า “พล.อ.เตีย เซ็ยฮา” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ของกัมพูชา ต้องโทรศัพท์เข้ามาพูดคุย กับ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม โดยร้องขอว่า …. ไม่ให้ฝ่ายไทยปิดด่าน และฝ่ายไทยก็ตอบสนองในทันทีคือ จะไม่มีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา

เป็นยังไงครับ “ซึ้งมั้ยครับ” ซึ้งแทน “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเน็ด” กับน้ำใจที่รัฐบาลไทยในยุคนี้ ให้กับ 2 พ่อลูกคู่นี้มั้ยครับ

ถามว่า ผลกระทบของการ “ปิดด่าน” มีอะไรบ้าง และใครจะได้รับผลกระทบมากกว่ากัน

 

 

เห็นชัดเจนว่า ผลจากการ “ปิดด่าน” ชายแดน ไทย-กัมพูชา แม้ว่า จะมีผลกระทบในเชิงลบ แต่ก็จะเห็นได้ว่า ใครจะเดือดร้อนมากกว่ากัน

ดังนั้น รัฐบาลไทย ควรใช้ “ข้อได้เปรียบ” ตรงนี้ ข้อได้เปรียบจาการปิดด่าน จัดการกับ 2 พ่อลูก ที่กำลัง “โกหก” ต่อชาวโลก โกหก กระทั่งประเทศไทย กำลังถูกมองลบ…. “โกหก” จนทำให้ “ทัวร์ลงพรรคเพื่อไทย”  …… “โกหก” ตั้งแต่หนุ่มยันแก่…. แต่ก็ยังมีคนคบเป็นเพื่อน

คบเป็นเพื่อน ก็เพราะเพื่อน….. มี “ศีลที่เสมอกัน” หรืออย่างไร หรือ คบเพราะต่างคนต่างใหญ่ ต่างคนต่างสามารถนำผลประโยชน์ของประเทศชาติ ส่งมอบให้กับเพื่อนได้

คนไทยไม่ได้กินหญ้า….. และความอดทนของ “คนบางกลุ่ม” ในประเทศไทย ก็มีขีดจำกัดนะครับ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มาแล้วทหารหมวกแดง "บิ๊กเต้" สั่งกำลังพล หน่วยสงครามพิเศษ ฝึกทบทวนพร้อมลุยภารกิจรบภัยมั่นคงปท.
“คปท.” ยื่นหนังสือร้องกลาโหม เร่งแก้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้กำลังใจทบ.ปฏิบัติหน้าที่
"คำนูณ" จี้นายกฯรีบแสดงจุดยืนรัฐบาล ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก เชื่ออยู่แล้วกัมพูชาใช้แผนรุกล้ำอธิปไตยหาเรื่องไทย
"กองทัพเรือกัมพูชา" เคลื่อนไหวแล้ว ฝึกซ้อมยิงกระสุนจริง "ฐานทัพเรียม" ตรงข้ามเกาะกูด หลังหยุดมา 2 ปี
ผู้นำสูงสุดอิหร่านลั่นไม่เลิกอัปเกรดแร่ยูเรเนียม
เรือขน EV 800 คัน ลอยคว้างกลางทะเลหลังไฟไหม้
สหรัฐฯเตือนพลเมืองในยูเครน ปูตินจ้องสางแค้นล้างอาย
ก่อการร้ายการเกษตร? นักวิจัยจีนลอบนำเชื้อราอันตรายเข้าสหรัฐฯ
"ภูมิธรรม" เรียกถกด่วนสภาความมั่นคง กำหนดมาตรการตอบโต้กัมพูชา 6 มิ.ย.นี้
เปิดแถลงการณ์รัฐบาลกัมพูชาฉบับเต็ม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น