นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำอังกฤษ กล่าวเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.)ว่า เขารู้สึกตกใจมากกับการขยายปฏิบัติการทหารของอิสราเอลในกาซา และแม้ว่ารัฐบาลอังกฤษยังคงยึดมั่นกับข้อตกลงการค้าที่มีอยู่ระหว่างกัน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหารือเพื่อยกระดับข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ฉบับใหม่กับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ที่ยังคงเดินหน้านโยบายเลวร้ายในเวสต์แบงก์และกาซา นอกจากนี้ อังกฤษยังจะดำเนินมาตรการลงโทษอื่น ๆ รวมถึงการคว่ำบาตรชาวอิสราเอลที่ขยายนิคมในดินแดนยึดครองเวสต์แบงก์
ในวันเดียวกัน นายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ปราศรัยในสภาฯ อย่างดุเดือด ว่า นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู วางแผนขับชาวกาซาออกจากบ้านเรือน ไปอยู่สุดขอบทางใต้ฉนวนกาซา และปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็นเพียงเศษเสี้ยว รัฐบาลอิสราเอลมีความรับผิดชอบที่จะต้องยุติการกระทำก้าวร้าวเหล่านี้ การนิ่งเฉยคือการทำให้ชุมชนชาวปาเลสไตน์และทางออกสองรัฐ ตกอยู่ในอันตราย ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆสำหรับการปิดกั้นความช่วยเหลือ การขยายสงคราม และเมินความห่วงกังวลของเพื่อนและพันธมิตร
รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ยังกล่าวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า อังกฤษยังต้องการมิตรภาพแข็งแกร่งกับอิสราเอลบนค่านิยมร่วมกัน และยังรักษาพันธะสัญญาเรื่องความมั่นคง ต้านภัยคุกคามจากอิหร่าน การก่อการร้าย และต้านกระแสต่อต้านยิว แต่การทำสงครามในกาซา บั่นทอนความสัมพันธ์ และทำให้อังกฤษจำเป็นต้องประเมินความร่วมมือความสัมพันธ์อังกฤษ-อิสราเอล ภายใต้ โรดแมป 2030 และหากอิสราเอลยังเดินหน้าปฏิบัติการทหารรุนแรงต่อไปตามที่ขู่ และไม่ยอมสร้างหลักประกันการจัดส่งความช่วยเหลือให้ชาวกาซา อังกฤษจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติม
ด้านกระทรวงต่างประเทศอิสราเอล ออกแถลงการณ์โต้ว่า แรงกดดันภายนอก จะไม่ทำให้อิสราเอลไขว้เขวไปจากการต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่ และสร้างความมั่นคงต่อต้านศัตรูที่จ้องทำลายรัฐอิสราเอล และว่า ก่อนการประกาศครั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษไม่เคยติดต่อพูดคุยกับอิสราเอลมาก่อน ข้อตกลงการค้าถือเป็นประโยชน์ร่วมกัน หากรัฐบาลอังกฤษพร้อมทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเอง เพราะหมกมุ่นต่อต้านอิสราเอลและการคิดคำนึงปัจจัยการเมืองภายในแล้ว ก็แล้วแต่การตัดสินใจของอังกฤษ
รัฐบาลพรรคแรงงานอังกฤษ ประกาศฟื้นเจรจาการค้าเสรีกับอิสราเอล เมื่อกรกฎาคม 2567 เป็น 1 ใน 6 เอฟทีเอ ที่อังกฤษตั้งมั่นเจรจาให้สำเร็จ อังกฤษเป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในอิสราเอล มูลค่าการลงทุนในปี 2566 แตะ 1 พัน 130 ล้านดอลลาร์
นอกจากอังกฤษแล้ว สหภาพยุโรป หรือ อียู คู่ค้าอันดับต้น ๆ ของอิสราเอล ยังเห็นพ้องกันว่าจะทบทวนความร่วมมือกับอิสราเอลด้วย คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายการต่างประเทศของอียู กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสมาชิก 27 ประเทศ เห็นพ้องกันในเรื่องนี้ เพราะไม่สามารถยอมรับสถานการณ์ในกาซาได้ และต้องการให้อิสราเอลเลิกปิดกั้นความช่วยเหลือมนุษยธรรม มีรายงานว่า เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่เสนอให้เพื่อนสมาชิก ทบทวนข้อตกลงความร่วมมืออียู-อิสราเอล ที่มีข้อกำหนดว่า ความร่วมมือระหว่างกัน ควรอยู่หลักการเคารพประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน คาสเปอร์ เวลด์คัมป์ รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า สถานการณ์ในกาซา ยากจะรับได้ การใช้ความรุนแรงแบบไร้เหตุผล และขัดความความช่วยเหลือมนุษยธรรม ทำให้กาซากลายเป็นดินแดนที่กำลังจะตาย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นสุสาน