15 วัน วัดใจ “สมศักดิ์” จะกล้าวีโต้ปกป้องนายใหญ่หรือไม่

ภายใต้บังคับมาตรา25 คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด และให้ทำเป็นคำสั่งแพทยสภา

ขณะที่ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563 โดยในข้อ 42 ระบุชัดเจนในวรรคท้ายว่า กรณีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดให้กรรมการวินิจฉัยชี้ขาด โดยหากเห็นว่า มีความผิดให้มีโทษทางจริยธรรม คือ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2 ภาคทัณฑ์ 3.พักการใช้ใบอนุญาติกำหนดระยะเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกิน 2 ปี และ4.เพิกถอนใบอนุญาต

ส่วนข้อที่ 42 ระบะว่า ให้นายกแพทย์สภาเสนอมติของคณะกรรมการในข้อ 42 วรรค 1 ( 2) ต่อสภานายกพิเศษ เพื่อขอความเห็นชอบโดยมีชักช้า สภานายกพิเศษอาจมีคำสั่งยับยั้งมตินั้นได้ ในกรณีที่ไม่ได้ยับยั้งภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับมติของนายกแพทยสภาเสนอให้ถือว่าสภานายกพิเศษให้ความเห็นชอบมตินั้น

ถ้าสภานายกพิเศษยับยั้งมติ ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาอีกครั้ง ในการประชุมนั้นถ้ามีเสียงยืนยันมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการทั้งคณะ ให้ดำเนินการตามมตินั้นได้  ในกรณีที่เสียงยืนยันมติวรรค 2 น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งคณะ ให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดใหม่ตามข้อ 42 วรรค 1 ว( 2 ) ต่อไป ซึ่งกรรมการแพทยสภา ปัจจุบันมีจำนวน 72 คน เสียง 2 ใน 3 จำนวน 47 คน

เมื่อพิจารณาจากกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะเห็นได้ว่า การที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ทั้ง 3 คนกรณีเอื้อนายทักษิณนอนชั้น 14 นั้นเป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับ และผ่านขั้นตอนการสอบสวนอย่างถูกต้อง ซึ่งในกรณีการพักใบอนุญาติแพทยสภาต้องเสนอมติกางลงโทษแพทย์ทั้ง 3 คนให้ นายสมศักดิ์ ในฐานะสภานายกพิเศษเพื่อให้ความเห็นชอบ และหากนายสมศักดิไม่เห็นด้วยอาจมีคำสั่งยับยั้งมติลงโทษหมอทั้ง 3 คนได้ภายใน 15 วันหลังจากที่นายกแพทสภาเสนอมติเข้ามา แต่หากไม่มีการยับยั้งภายในระยะเวลา 15 วันก็ให้ถือว่า นายสมศักดิ์เห็นชอบกับมติดังกล่าว