BBC, AFP, และ CNN รายงานว่าอินเดียและปากีสถานออกมายืนยันเรื่องการประกาศหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 10 พค.) โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในเวลา 1700 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น โดยนายวิกรม มิส-รี รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายจะยุติปฏิบัติการโจมตีทางทหารทุกรูปแบบ ทั้งบนบก, ทางอากาศและทางทะเล ขณะที่ปากีสถานสั่งเปิดน่านฟ้า สนามบินและอนุญาตให้เที่ยวบินพาณิชย์กลับมาให้บริการตามปกติอีกครั้ง
อินเดียและปากีสถานออกมายืนยันเรื่องการหยุดยิงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเป็นผู้ประกาศข่าวนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย “ทรู๊ธ” โดยระบุว่า “หลังจากสหรัฐช่วยเป็นตัวกลางเจรจาตลอดทั้งคืน เขามีความยินดีที่จะประกาศว่าอินเดียและปากีสถานตกลงที่จะหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบและมีผลทันที ขอแสดงความยินดีที่สองประเทศใช้สามัญสำนึกและความชาญฉลาด”
อย่างไรก็ตาม หลังจากประกาศหยุดยิงเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นในหลายเมืองในแคว้นแคชเมียร์ซึ่งอยู่ในความควบคุมของอินเดีย รวมทั้งเมืองศรีนาคาร์ ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานละเมิดการหยุดยิงและว่าทหารอินเดียมีการตอบโต้อย่างเหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้ปากีสถานจัดการแก้ไข ขณะที่ปากีสถานก็กล่าวหาอินเดียว่าเป็นฝ่ายละเมิดหยุดยิงแต่ยืนยันจะยึดมั่นในคำประกาศหยุดยิง โดยเรียกร้องทหารปากีสถานให้ใช้ความอดทนอดกลั้น
การประกาศหยุดยิงมีขึ้นหลังจากสองฝ่ายเปิดฉากปะทะและโจมตีกันไปมาอย่างดุเดือดตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีการใช้ทั้งเครื่องบินรบ, ขีปนาวุธ, โดรนและปืนใหญ่ยิงข้ามพรมแดน ทำให้มีผู้เสียชีวืตอย่างน้อย 60 คน และประชาชนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ตามแนวพรมแดนรวมทั้งแคว้นแคชเมียร์ต้องอพยพหนีตายออกจากพื้นที่สู้รบ จนทำท่าจะบานปลายกลายเป็นสงครามอย่างเต็มรูปแบบ สร้างความวิตกให้กับประชาคมโลกเพราะทั้งสองประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือ
การสู้รบครั้งล่าสุดปะทุขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธก่อเหตุสังหารนักท่องเที่ยวเสียชีวิตไป 26 คนในแคว้นแคชเมียร์ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของอินเดีย ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน แต่ปากีสถานปฏิเสธ
หลังประกาศหยุดยิง ชาวปากีสถานและอินเดียต่างออกมาขานรับด้วยความยินดีแต่บอกว่ายังไม่ไว้วางใจสถานการณ์
ขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่าการประกาศหยุดยิงมีขึ้นหลังจากตัวเขาและรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งอินเดียและปากีสถานนานถึง 48 ชั่วโมง ขณะที่อังกฤษและยูเอ็นก็ต่างแสดงความยินดี