“อ.แก้วสรร” ชี้มติแพทยสภา ทำสะท้านเป็นยวง เชื่อศาลฎีกาฯนำพิจารณา รอดูโยงผิดถึงพ่อลูกหรือไม่ มีคนร้องป.ป.ช.อีกหลายคดี

ส่วนอำนาจศาลที่จะออกหมายขังใหม่ และมีหลายคนเห็นว่าศาลยุติธรรมไม่น่าจะมีอำนาจมาแทรกแซงตรวจสอบงานบริหารโทษของฝ่ายบริหาร อีกทั้งศาลปกครองก็มีอยู่แล้วด้วยนั้น นายแก้วสรร ระบุว่า งานราชทัณฑ์ไม่ใช่งานปกครองสั่งการชาวบ้านตามกฎหมายโน้นกฎหมายนี้ แต่เป็นงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ราชทัณฑ์ต้องบริหารโทษไปตามหมายจำคุกของศาลอาญา ตามกรอบอำนาจที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถ้าศาลเห็นว่าเป็นป่วยทิพย์ ส่งผู้ต้องขังไปผ่าไหล่แล้วนอนดู NETFIX 6 เดือน อย่างนี้ก็นับเป็นเวลาคุมขังตาม ม.55 แห่งกฎหมายราชทัณฑ์ไม่ได้ ต้องถือว่านายทักษิณยังติดคุกตามหมายศาลไม่ครบ ศาลจึงสั่งออกหมายจำคุกใหม่อีก 1 ฉบับในที่สุด อีกทั้งยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องศาลไปแทรกแซงอำนาจบริหาร เพราะเป็นอำนาจในตัวของศาลอยู่แล้ว หมายจำคุกของศาลต้องไม่ใช่กระดาษชำระ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างต่อไปว่าราชทัณฑ์จะทำงานมั่วๆไม่ได้ ถ้าทำนอกกฎหมายและศาลเห็นสมควร โดยมีคนร้องหรือศาลเห็นเองก็ตาม ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและสั่งบังคับคดีเสียใหม่ได้

ส่วนถ้าลงเอยในที่สุดว่านายทักษิณป่วยทิพย์ แล้วจะมีคดีอาญาอะไรติดพันอีกบ้างหรือไม่ เพราะบางคนบอกว่านายทักษิณจะมีความผิดต่อการยุติธรรม ฐานหลบหนีที่คุมขัง ตาม ม.190 ผบ.เรือนจำก็โดน ม.191 ฐานช่วยเหลือให้หลบหนีด้วยหรือไม่ นายแก้วสรร เห็นว่าไปทางนั้นยาก น่าจะเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่มากกว่า ทั้งราชทัณฑ์,ยุติธรรมและแพทย์ ต้องไปต่อสู้ใน ป.ป.ช.ต่อไป ส่วนนายทักษิณรู้เห็นด้วยแต่ไม่ใช่เจ้าพนักงาน น่าจะโดนฐานสนับสนุน ส่วนลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ที่เคยบอกนักข่าวว่าให้ไปถามพ่อนั้น ก็ปลอดภัยแล้ว แต่วันนี้มายืนยันว่าพ่อป่วยจริงทั้งที่ไม่จริง ก็ถือว่าถลำตัวเข้าไปแล้ว ภายหน้าอาจจะมีคนลากเข้าไปให้ผิดต่อตำแหน้าที่ได้ว่า เป็นนายกฯแล้วรู้ว่าราชทัณฑ์ทำผิดกลับละเว้นไม่สั่งการให้แก้ไข หรือทราบว่าไม่ยอมส่งเวชระเบียนให้ ป.ป.ช. ก็นิ่งเฉยเสีย อย่างนี้ต้องโดน 157 ด้วย ก็ได้