“นฤมล” แจงผลสำเร็จ “กยท.” แท็กทีมแก้ปัญหาราคายางพารา เพิ่มรายได้เกษตรกรแล้ว 3-10.3 บาทต่อกก.

“นฤมล” เดือด หลังบิ๊กบริษัทฉวยโอกาส อ้าง” โดนัลด์ ทรัมป์” ปรับขึ้นภาษี 10% กดราคายับ ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.68 ทางคืนกลับมาได้ 3-10.3 บาทต่อกิโลกรัม สั่งผู้บริหาร กยท.ลุยเดินหน้าต่อสร้างราคาที่เป็นธรรมให้ชาวสวนยาง

“นฤมล” แจงผลสำเร็จ “กยท.” แท็กทีมแก้ปัญหาราคายางพารา เพิ่มรายได้เกษตรกรแล้ว 3-10.3 บาทต่อกก. – Top News รายงาน

นฤมล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาง ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (123) ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ยางพาราและ ผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมยางไทย พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งในปี 2567 มีการส่งออกยางพาราจำนวน 3 . 96 ล้านตัน โดยส่งออกยางแท่งเอสทีอาร์มากที่สุด จำนวน 1 . 76 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดย การยางแห่งประเทศไทย ( กยท. ) ได้ดำเนินการศึกษามาตรการการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้ง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมสำหรับการรับมือกับมาตรการดังกล่าว และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องเกษตรกรให้น้อยที่สุด

 

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การหารือแนวทางการดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องยางพารา และเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้าใจและเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจากรายงานสถานการณ์ยางพาราไทย พบว่า ประเทศไทยของเราเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของโลก จึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนครั้งนี้ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการติดตามสถานการณ์ผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมยางไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาและทบทวนแนวทางการดำเนินงานให้มีความชัดเจน และแก้ไขปัญหาด้านราคายาง เพื่อคลายความกังวลใจของพี่น้องเกษตรกร โดยยึดมั่นตามแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ ที่ยึดมั่นการถวายงานและสานต่อของพระราชา รวมกับการดูแลเกษตรกรของพระราชาให้ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมาตรการภาษีดังกล่าวออกมาแล้วท้ายที่สุดต้องมีคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา หรือผู้ส่งออก ผู้รับซื้อในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ควรต้องเป็นพี่น้องเกษตรกรคนไทยที่เป็นคนจ่ายอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง เขตควบคุมการขนย้ายยางพารา พ.ศ.  . . . . ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ 1. อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 2. อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 3.อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 4. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และ 5. อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้มีความมั่นคง และป้องปรามการลักลอบนำยางเข้าราชอาณาจักร อีกทั้ง มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การกำหนดมาตรฐานยางและวิธีการมัดยางและการบรรจุหีบห่อยางเพื่อการส่งออก พ.ศ.  . . . .  เพื่อสร้างความชัดเจนในมาตรฐานการส่งออกของผู้ประกอบการและเกษตรกรในอนาคต

“เรารับรู้ถึงความทุกข์ของเกษตรกร จึงต้องให้ความเป็นธรรมว่า จะทำอย่างไรให้ราคายางพาราอยู่ในจุดที่เหมาะสม กระทรวงเกษตรฯในฐานะภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลเกษตรกร ถือว่าอยู่ตรงกลางระหว่างภาคเอกชนกับเกษตรกรไทย การประชุมครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพราะต้องเข้าใจด้วยว่าเกษตรกรจะอยู่ได้ ก็ต้องทำให้ภาคเอกชนอยู่ได้ด้วยเช่นกัน และก็จำเป็นต้องทำงานร่วมกันทั้งสามฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อมูลตลาด ราคา และรายละเอียดต่างๆ ซึ่งจากนี้จะมีการนัดเพื่อพูดคุยกันนอกรอบ และนำกลับเข้ามาพิจารณาในที่ประชุมครั้งหน้า ซึ่งทางภาคเอกชนก็เข้าใจในภารกิจของกระทรวงเกษตรฯเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่ก็ขอให้เราสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพาราด้วย”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากถึงพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราทุกท่าน กระทรวงเกษตรฯ พร้อมเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรเสมอเพื่อรักษาผลประโยชน์และสร้างความเป็นธรรมอย่างสูงสุด และพร้อมรับฟังและแก้ไขในทุกปัญหาความเดือดร้อนอย่างจริงจัง

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาวันนี้ (24 เม.ย. 68) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ กระทั่งขณะนี้ราคายางพาราทุกชนิด ได้ปรับขึ้นมา 3 บาทถึง 10.3 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบจากราคาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ราคายางทุกชนิดปรับลงวันเดียว 10-12 บาทต่อกิโลกรัม ดังนี้

1.ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 (ไม่อัดก้อน) ราคา 67.60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)

2.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี (ความชื้นไม่เกิน 3%) ราคา 65.60 บาทต่อกิโลกรัม

3.น้ำยางสด  ราคา 57.20 บาทต่อกิโลกรัม ปรับ

4.ยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ราคาเหลือ 55.50 บาทต่อกิโลกรัม

5.ยางก้อนถ้วย (DRC 70%) ราคาปรับลงมาเหลือ 38.85 บาทต่อกิโลกรัม

นับว่าเป็นความสำเร็จของกระทรวงเกษตรฯ โดย การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในช่วงระยะเวลา 16 วัน ได้ดำเนินการศึกษา พร้อมทั้ง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมสำหรับการรับมือกับมาตรการดังกล่าว และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องเกษตรกรให้น้อยที่สุด โดยยึดมั่นตามแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ ที่ยึดมั่นการถวายงานและสานต่อของพระราชา

รวมกับการดูแลเกษตรกรของพระราชาให้ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมาตรการภาษีดังกล่าวออกมาแล้วท้ายที่สุดต้องมีคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา หรือผู้ส่งออก ผู้รับซื้อในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ควรต้องเป็นพี่น้องเกษตรกรคนไทยที่เป็นคนจ่าย

“เข้าใจดีเป็นช่วงอยู่ในตลาดปรับตัว ก็ต้องทำมีการทำความเข้าใจกันทั้งผู้รับซื้อ จึงทำให้ราคากระเตื้องขึ้นมาแล้ว ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาง ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ยางพาราและ ผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมยางไทย พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งในปี 2567 มีการส่งออกยางพาราจำนวน 3.96 ล้านตัน โดยส่งออกยางแท่งเอสทีอาร์มากที่สุด จำนวน 1.76 ล้านตัน”

 

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการควบคุมยาง ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542  เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 6- 7 ปี ก่อนหน้านั้นที่ได้มีการประชุมสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การหารือแนวทางการดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องยางพารา และเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคเกษตรกร

 

เพื่อสร้างความเข้าใจและเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจากรายงานสถานการณ์ยางพาราไทย พบว่า ประเทศไทยของเราเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของโลก จึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนครั้งนี้และเพื่อคลายความกังวลใจของพี่น้องเกษตรกร ให้ความเป็นธรรมว่า จะทำอย่างไรให้ราคายางพาราอยู่ในจุดที่เหมาะสม กระทรวงเกษตรฯในฐานะภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลเกษตรกร ถือว่าอยู่ตรงกลางระหว่างภาคเอกชนกับเกษตรกรไทย ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน ว่าเกษตรกรจะอยู่ได้ ก็ต้องทำให้ภาคเอกชนอยู่ได้ด้วยเช่นกัน

 

“เข้าใจดีเป็นช่วงอยู่ในตลาดปรับตัว ก็ต้องทำมีการทำความเข้าใจกันทั้งผู้รับซื้อ จึงทำให้ราคากระเตื้องขึ้นมา โดยภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาง ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ยางพาราและ ผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมยางไทย พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งในปี 2567 มีการส่งออกยางพาราจำนวน 3.96 ล้านตัน โดยส่งออกยางแท่งเอสทีอาร์มากที่สุด จำนวน 1.76 ล้านตัน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กัมพูชา" ยอมเปิดด่านให้ผลไม้เข้า ตั้งเงื่อนไขตอบโต้ไทย สั่งห้ามนำเข้าผลไม้จาก "จันทบุรี"
“อนุทิน” มั่นใจ "นายกฯอิ๊งค์" ไม่ชิงยุบสภา แจงยังคุยกันปกติ ย้ำยึดประโยชน์ปชช.เป็นแนวทำงาน
สหรัฐจัดพิธีสวนสนามกองทัพยิ่งใหญ่ท่ามกลางเหตุประท้วง
โฆษกทบ. ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาติดอาวุธ ปิดถนนขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอประชาชนฟังข้อมูลหน่วยงานราชการ
โซเชียลสุดทน "ใบตองแห้ง" โชว์เก๋า หยันทหารไม่มีอำนาจกำหนดเส้นแดน มีหน้าที่แค่ตายตามคำสั่ง
“ปืนใหญ่เขมร” ไร้น้ำยา! ไทยได้เปรียบ “สัตตะโสม” สูงกว่า บึ้มเดียวเละทั้งฐาน
"แม่ทัพภาคที่ 4" เยี่ยมให้กำลังใจ "ทหารพราน" ได้รับบาดเจ็บ เหตุลอบวางระเบิดนราธิวาส ชื่นชมความกล้าหาญ พร้อมเร่งล่าตัวคนร้ายดำเนินคดี
ตึกกรุงปอยเปต กัมพูชาถล่ม ทับรถพังเสียหายยับ "เทศบาลปอยเปต" รีบแก้ข่าว แค่รื้อถอนผิดพลาด
‘พิชัย’ เผยเริ่มประสาน ‘ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ’ ตั้งแต่ปลายปี 67 เตรียมเปิดเจรจาปมภาษี เชิงเทคนิคเร็วที่สุด
วันหยุดสายมูยังแห่ไปเจิมมือที่วัดเขาไม้แดงกันอย่างแน่นขนัดเพราะมาที่เดียวจบครบทุกอย่าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น