วันที่ 5 ต.ค. –นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการลงพื้นที่ของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่า เหมือนเป็นการช่วงชิง ส.ส. ภายในพรรค จากภาพข่าวปรากฏชัดเป็นการแข่งขันระหว่างฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และฝั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่า มองว่าเวลานี้ ไม่ใช่เวลาของการช่วงชิงหาสมาชิก แต่ควรลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากกว่า ส่วนกรณีที่มีภาพร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่ลุยน้ำแจกของให้กับประชาชนนั้น นายณัฐชากล่าวว่า ตามจริงก็ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้น นั่งเรือไปก็ได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้ บ่งบอกให้เห็นถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง เพราะคนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส จะไม่ทำอะไรอย่างไร้ทิศทางแน่นอน พร้อมเชื่อปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐวันนี้ ยังคงมีความวุ่นวาย
สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพปชร. ที่จะส่ง พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งนั้น โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ในประเด็นนี้ต้องไปถามประธานยุทธศาตร์พรรคคนใหม่ ว่าเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ทุกคนต้องยอมรับว่าการบริหารภายใต้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์นั้นมีปัญหาจริงๆ แต่หากวันนี้พรรคยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ท่ามกลางการบริหารงานที่ล้มเหลว ท่ามกลางการเกิดอุทกภัย รวมถึงมีเสียงต่อต้านมากมาย เป็นคำถามว่าพรรคพลังประชารัฐยังจะสนับสนุนอยู่หรือไม่ หรือมีพรรคการเมืองอื่นจากอดีตข้าราชการสูงที่ตั้งพรรครองรับ จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เอง แล้วพรรคพลังประชารัฐ จะส่งใคร เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกัน รวมถึงข้อกำหนดห้ามนายกฯดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีนั้น มองว่า สิ่งที่จะชี้ชัดในประเด็นนี้ได้คือกฎหมาย
นายณัฐชายังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า ยังยืนยันจะส่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลมีมติชัดเจนตั้งแต่คราวจัดตั้งพรรคขึ้นมาจากพรรคอนาคตใหม่เดิม และมั่นใจในเสียงสนับสนุนจากประชาชน อีกทั้งตัวของนายพิธา มีความเหมาะสมในหลายประเด็น อาทิ นโยบายเกษตรก้าวหน้า เมื่อครั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้รับการตอบที่ดี ไม่ว่าจะจากโพล หรือจากเสียงของประชาชนเอง
ทั้งนี้นายณัฐชา ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบบัตรเลือกตั้ง ว่า ถึงแม้วันนี้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบจะผ่านสภาไปแล้ว แต่ยังต้องรอกฎหมายลูกมาประกอบ แต่สัญญาณการยุบสภามีอยู่ทุกวินาที เนื่องจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล มีปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่มอบ 4 กรม ไปให้รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรียกว่าข้ามหัวพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมมองว่าทางออกเดียวในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือการยุบสภา