นายกรัฐมนตรี ทรูโด ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง โพสต์สั้น ๆ สองประโยค บน X เมื่อวานนี้ ว่า “เป็นไปไม่ได้เลยที่แคนาดาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา” และ “คนงานและชุมชนของทั้งสองประเทศต่างได้รับประโยชน์ จากการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าและความมั่นคง ที่ใหญ่ที่สุดของกันและกัน”
โพสต์ของทรูโด มีขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ แถลงข่าวที่มาร์ อะ ลาโก คฤหาสน์ในฟลอริดา เมื่อวาน โดยย้ำว่า ชายแดนสหรัฐฯกับแคนาดา ประเทศที่มีประชากร 41 ล้านคน และใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในแง่พื้นที่ เป็นแค่ “การลากเส้นเทียม” หากกำจัดออกไปเสีย จะเป็นเรื่องดีสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ ทรัมป์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องใช้กำลังทหาร ยึดแคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ แต่จะใช้พลังอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยย้ำคำขู่ที่ว่า จะเก็บภาษีอัตรา 25% กับสินค้าแคนาดา เว้นเสียแต่ว่าแคนาดาจะเพิ่มมาตรการคุมเข้มชายแดนติดกับสหรัฐฯ สกัดการหลั่งไหลของยาเสพติดและผู้อพยพผิดกฎหมาย
โดยหลังทรูโดประกาศลาออก ทรัมป์ โพสต์ว่า คนจำนวนมากในแคนาดาอยากเป็นรัฐที่ 51 ขณะที่ สหรัฐอเมริกาจะได้ไม่ต้องขาดดุลการค้าและให้เงินอุดหนุนมหาศาล เพื่อให้แคนาดาอยู่รอด ทรูโดรู้เรื่องนี้ดีและลาออก หากแคนาดารวมตัวกับสหรัฐฯ ก็จะไม่มีภาษีนำเข้า อีกทั้งยังจะมั่นคงปลอดภัยแน่นอนจากภัยคุกคามเรือจีนและรัสเซียที่จะเข้าไปล้อม หากรวมตัวกัน ก็จะกลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่
ขณะที่ เมลานี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า ถ้อยแถลงของทรัมป์ สะท้อนว่าขาดความเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่า อะไรทำให้แคนาดาเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง เศรษฐกิจของเราก็แกร่งพอ และจะไม่ยอมแพ้กับกับคำขู่คุกคาม
ประเด็นภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงที่แคนาดากำลังเผชิญความท้าทายทางการเมือง ทรูโดประกาศลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น โดยจะอยู่ในตำแหน่งจนกว่าพรรครัฐบาลเสรีนิยม เลือกผู้นำพรรคคนใหม่ได้ ซึ่งคาดว่า อาจจะต้องรอไปถึงปลายเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า หากทรัมป์ทำตามคำขู่หลังสาบานตน 20 มกราคม ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแคนาดาอย่างมีนัยสำคัญ
สินค้าและบริการข้ามชายแดนระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ มีมูลค่าเกือบ 2 พัน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน อ้างอิงสถิติรัฐบาลในปี 2566 รัฐบาลแคนาดาระบุว่ากำลังพิจารณาใช้มาตรการภาษีตอบโต้เช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็รับปากว่า จะดำเนินมาตรการคุมเข้มชายแดนให้มากขึ้น
ด้าน เดวิด เอบี้ ผู้นำแคว้นบริทิช โคลัมเบีย เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีหรือผู้นำแคว้นในแคนาดาจำนวนหนึ่ง จะเดินไปวอชิงตัน ดีซี เพื่อไปลอบบี้เรื่องภาษี ส่วน นายดัก ฟอร์ด ผู้นำแคว้นออนตาริโอ ซึ่งมีประชากรมากที่สุุดในแคนาดา กล่าวว่า ทรูโด จะต้องใช้เวลาที่เหลือในตำแหน่ง ทำงานร่วมกับแคว้นต่าง ๆ ในเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ
ออนตาริโอ พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯมากที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ และการค้ากับสหรัฐฯมีมูลค่ารวมกว่า 3 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566 ผู้นำออนตาริโอ เตือนว่า หากทรัมป์ทำตามคำขู่จริง ก็จะตอบโต้อย่างหนักเช่นกัน เพราะอีกด้าน สหรัฐฯก็พึ่งพาไฟฟ้าจากออนตาริโอ ครอบคลุมประชากรและธุรกิจในสหรัฐฯกว่า 1 ล้าน 5 แสนราย
