No data was found

ช้ากว่านี้พังแน่! ที่มา”นายกฯตู่”ยึดอำนาจทำสงครามโควิด

กดติดตาม TOP NEWS

หลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดระลอก 3 ที่มีคนติดเชื้อหลักพันเกิน 2 อาทิตย์แล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายและปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องการนำเข้าวัคซีน การนำเข้ายา การฉีดวัคซีน การหาเตียงให้ผู้ป่วย การบริหารจัดการผู้ป่วย ฯลฯ ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตก็ยังพุ่งไม่หยุด สวนทางกับคะแนนนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐบาลก็สาละวันเตี้ยลงๆ เพราะการจัดการปัญหาโควิดของพล.อ.ประยุทธ์ เรื่อยไปจนถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ถูกคนไทยส่วนใหญ่มองว่าขาดเอกภาพ ไร้ทิศทาง ไม่มีฝีมือ ไม่เท่าทันสถานการณ์ พาลทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิดในประเทศไทยจากที่เคยแค่หลักสิบทะยานขึ้นมาเป็นหลักพัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดวิ่งไปที่ 61,699 คน เสียชีวิตรวม 178 คน ยังรักษาอยู่ 27,119 คน ขณะที่การฉีดวัคซีนเพื่อเร่งให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ทำได้แค่ 1,279,713 โดส ในจำนวนนี้เป็นเข็มแรกล้านกว่าโดส ส่วนที่ฉีดครบ 2 เข็มเสร็จสมบูรณ์มีแค่เพียง 240,753 โดส ( 28 เม.ย.2564)

ความล่าช้าและไม่ทันใจหลายเรื่องนี้เองที่ทำให้เกิดกระแส “คนไทยไม่ทน” เป็นกระแสที่ถาโถมไปถึงนายกฯแบบที่รับรู้ได้ ด้านหนึ่งมีกลุ่มหมอจัดเคมเปญล่าชื่อไล่นายอนุทินผ่านโลกออนไลน์มีคนเข้าชื่อเป็นหลักหลายแสนคน อีกด้านส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นก็ออกมาขย่มเขย่าเก้าอี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก บวกลบคูณหารประเมินแล้วหากเดินแบบนี้ต่อไปมีหวังพังลามเข้าตัว ที่สุดพล.อ.ประยุทธ์เลยผ่าทางตัน ขอยึดอำนาจคุมกฎหมายสำคัญๆจากเสนาบดีคืน นั้นจึงเป็นที่มาให้ครม.มีมติวานนี้ (27 เม.ย.2564) ให้โอนอำนาจของรัฐมนตรีไปอยู่ในมือนายกฯแทน

ความจริงประกาศโอนอำนาจวานนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะย้อนหลังกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ครม.ก็เคยมีมติเมื่อ 24 มี.ค. 2563 เรื่องโอนอำนาจของรัฐมนตรีไปให้กับนายกฯเป็นครั้งแรก ตอนนั้นมีการโอนอำนาจพ.ร.บ. 40 ฉบับมาให้กับพล.อ.ประยุทธ์จัดการแก้ไขปัญหาโควิดตอนระบาดระลอกแรก ต่อมาอีกสองเดือนเศษหลังสถานการณ์แพร่ระบาดเบาบางลง 26 พ.ค.2563 ครม.ก็มีมติยกเลิกการโอนอำนาจจากพ.ร.บ.40 ฉบับให้กับนายกฯและเปลี่ยนไปใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาใช้ทดแทนในช่วงที่มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมโควิด ต่อเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดรอบ 3 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1 เม.ย. มีทีท่าว่าจะยังไม่ยุติและการแพร่ระบาดมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่องยาวนานต่อไป พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องการ “ดาบอาญาสิทธิ์” เพื่อใช้ความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหานั้นจึงเป็นที่มาของการตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาโควิดแบบเบ็ดเสร็จ ( Single command) และเป็นที่มาของการขอใช้อำนาจพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาโควิดแบบรวมศูนย์

โดยประกาศรวบอำนาจรอบนี้มีการยึดพ.ร.บ.มาใช้แค่ 31 ฉบับ โดยส่วนใหญ่ 29 ฉบับก็ล้อมาจากประกาศโอนอำนาจฉบับแรกเมื่อปีที่แล้ว แต่เพิ่มกฎหมายสำคัญอีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 เพื่อให้นายกฯมีอำนาจในการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งสถานการณ์ฉุกเฉิน ฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชน “ ไม่ได้มีต้นเหตุว่าคุมสถานการณ์ไม่ได้ หรือการทำงานของรมว.สธ.ไม่มีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากเรื่องวัคซีน เรื่องการขึ้นทะเบียนวัคซีนมีความล่าช้า ในคำสั่งครั้งที่ 3 นี้จึงต้องการเร่งดำเนินการนำเข้าวัคซีนและขึ้นทะเบียนวัคซีนให้รวดเร็วมากขึ้น จึงให้อำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณาได้ทันที ” นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาลอธิบายเหตุผลนายกฯรวบอำนาจปฏิวัติเงียบ แม้ไม่ได้ตำหนิตัวนายอนุทินว่าบริหารจัดการโควิดไร้ประสิทธิภาพ แต่ในคำแถลงก็ออกตัวเรื่องความล่าช้าเป็นต้นเหตุให้นายกฯต้องรวบอำนาจ

อย่าลืมว่าที่ผ่านมานายกฯถูกด่าถูกตำหนิเรื่องความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาโควิดมาโดยตลอด ทั้งประเด็นอ่านสถานการณ์ผิด คาดการณ์พลาดเรื่องโควิด จนทำให้การสั่งสต็อกยาฟาวิทิราเวียร์มารักษาคนติดเชื้อมีไม่เพียงพอ รวมถึงการสั่งวัคซีนมาฉีดให้คนไทยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เกิดความล่าช้าไม่เท่าทันสถานการณ์ ไม่นับรวมปัญหาเฉพาะหน้าในการบริหารจัดการผู้ป่วย รถไม่มี เตียงไม่พอ โรงพยาบาลล้น บุคลากรทางการแพทย์ขาด ฯลฯ ไม่นับรวมความล่าช้าที่อำนาจหลายเรื่องอยู่ในมือราชการ การตัดสินใจหลายครั้งอยู่ในมือหมอ การมอบหมายสำคัญๆหลายประเด็นอยู่ในมือรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล บ่อยครั้งเกิดความล่าช้าไม่ทันใจ หลายครั้งงานไม่เดิน การแก้ไขปัญหาเลยไม่เด็ดขาดทำได้ไม่สุด สารพัดปัญหาล้วนถาโถมไปถึงรัฐบาล จำเลยหลักคนแรกคือนายอนุทินในฐานะฝ่ายบริหารที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุข จำเลยอีกคนที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ก็คือนายกฯ

ไหนๆจะถูกด่าทั้งขึ้นทั้งร่องอยู่แล้ว สู้รวบอำนาจมาอยู่ในมือบริหารจัดการด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า เพราะปล่อยคาราคาซังไปแบบนี้ มีหวังพังกับพัง หลังประเมินบวกลบคูณหารทุกเรื่องเสร็จสรรพแล้วที่สุดจึงเป็นที่มาในเรื่องของการรวบอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับมาอยู่ในมือนายกฯเป็นการชั่วคราว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไม่สะดุดไม่เจอตอไม่ต้องล่าช้าพะรุงพะรังเหมือนที่ผ่านมาอีก จากนี้ต้องตามดูว่าหลังรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว การบริหารสถานการณ์วิกฤติแก้ปัญหาโควิดจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นหรือไม่ คนป่วยลดลง คนไทยจะได้ยาได้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้นด้วยวิธีพิเศษที่นายกฯกุมอำนาจจากการปฏิวัติเงียบแก้โควิดในครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บการสารเคมีอุตสาหกรรมวินโพรเสส สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งควบคุมสถานการณ์ไฟที่ปะทุ และจัดทำแผนการเยียวยา ปชช.
กองทัพเรือ ร่วมมูลนิธิ รพ.สิริกิติ์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทอดผ้าป่าสามัคคีการกุศล
"บีทีเอส" แจงปมผู้โดยสารติดลิฟต์ สถานีแบริ่ง จนท.เร่งช่วยเหลือปลอดภัย
"ตร.ไซเบอร์" บุกทลาย 2 เหมืองบิทคอยน์ ภาคตะวันตก ลักไฟหลวง 2 เดือน กว่า 5 ล้านบาท
"กกต." เตือน จูงใจ ชี้ชวนให้คนลงสมัครสว.เสี่ยงผิดกฎหมาย
ข่าวดี "นายกฯ" เผยยางพาราแตะ กก. 100 บาทเร็วๆนี้ ลั่นมาจากการทุ่มเททำงาน ไม่ใช่โชคช่วย
สอบสวนกลาง รวบ "หนุ่มดาวทวิต" ลวงเด็กชายถ่ายคลิปสร้างคอนเทนต์ ขายในกลุ่มลับ
จนท.ชุดลาดตระเวนกว่า 20 นาย เร่งติดตาม "แก๊งผ้าเหลือง" ลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
สอบสวนกลาง บุกค้นโรงงานรีไซเคิลพลาสติกเถื่อน ชลบุรี สร้างความเดือนร้อนให้ชุมชน
เปิดเบื้องลึก "รมว.ปุ๋ง" ถูกโยกนั่งวธ. รับงานใหญ่ ลุย Soft Power

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น