หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ สื่อของสหรัฐรายงานโดยอ้างถึงการสัมภาษณ์กับแหล่งข่าวระดับส.ส. ของยูเครนที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน จงใจหลอกลวงสาธารณชน เกี่ยวกับขอบเขตที่แท้จริงของความสูญเสียทางทหารของยูเครน จากความขัดแย้งกับรัสเซีย โดยเซเลนสกีได้มองข้ามผลเสียหายที่แท้จริงของสงครามไปอย่างมาก และบอกว่า จะต้องนำเสนอผลให้ต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดขวางต่อการระดมพล อย่างไรก็ดี แม้ขณะนี้ ประเทศจะอยู่ในช่วงขาดแคลนทหาร แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ถือว่า เข้าขั้นเส้นสีแดง
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากหลายเดือนที่ไม่มีการเปิดเผยถึงจำนวนผู้เสียชีวิตในยูเครน เซเลนสกีก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งกับรัสเซีย มีทหารยูเครน ถูกสังหารไปแล้ว 31,000 นาย ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บนั้น เซเลนสกีไม่ได้เปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ในขณะที่ข้อมูลของกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า สามารถประเมินความสูญเสียทางทหารของยูเครนได้ถึงกว่า 5 แสนคน และในช่วงสัปดาห์ล่าสุดที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียว ยูเครนก็สูญเสียทหารไปถึง 8,280 นาย
ขณะที่ในส่วนของการพยายามส่งเสริมการระดมพลนั้น เกิดขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเซเลนสกีได้ระบุว่า ทางกองทัพได้ขอให้ตน ระดมกำลังทหารเพิ่มอีก 5 แสนนาย แต่ต่อมา นายพลวาเลรี ซาลูซนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ได้รีบออกมาปฏิเสธ ซึ่งนี่คือ 1 ในข้อสันนิษฐานว่าเป็นเหตุที่ทำให้ซาลูซนี ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้น ในช่วงต้นเดือนเมษายน เซเลนสกีก็ได้ลงนามในร่างกฎหมาย 2 ฉบับ โดยฉบับหนึ่งระบุถึงการลดอายุการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้ชายจาก 27 ปีเหลือ 25 ปี ขณะที่อีกฉบับ เป็นการเข้มงวดกฎเกณฑ์ในการระดมพลให้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ส.ส. คนดังกล่าวจะบอกว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงเส้นสีแดง แต่ทางนายพลโอเล็กซานเดอร์ เซียร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ยอมรับในการประชุมแรมสไตน์แบบออนไลน์ ร่วมกับสหรัฐและประเทศที่สนับสนุนยูเครนว่า สถานการณ์ในแนวหน้ายังคงตึงเครียดสำหรับกองทหารยูเครน และมีแนวโน้มที่จะแย่ลง ยูเครนต้องการขีปนาวุธ กระสุน และอุปกรณ์ทางทหาร อย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ได้เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์มเทเลแกรมว่า นอกจากการสูญเสียทหารกว่า 8 พันนายแล้ว ยูเครนยังสูญเสียรถถัง และยานเกราะต่อสู้รวมหลายสิบคัน พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ทางทหารอื่นๆ อีกหลายร้อยชิ้น เช่น ปืนครกอัตตาจรขนาด 155 มม., ระบบปืนใหญ่ที่พันธมิตรตะวันตกจัดหาให้อีกเกือบ 30 ชุด, เครื่องยิงขีปนาวุธอีก 8 ชุด เช่นชุดระบบไฮมาส ของสหรัฐและ ระบบแวมไพร์ RM-70 ของสาธารณเช็ก, เครื่องบินขับไล่, และโดรนอีกว่า 1,600 ลำ
นอกจากนี้ ถัดมาอีก 1 วัน เซียร์สกีก็ได้โพสต์ลงแพลตฟอร์มเทเลแกรมของตัวเองว่า สถานการณ์ในแนวหน้ารุนแรงขึ้น และแย่ลง ยูเครนมีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ 3 แห่ง กองกำลังรัสเซียกำลังโจมตีอย่างหนักในแนวหน้าทั้งหมดและในทุกทิศทาง จนประสบความสำเร็จทางยุทธวิธีในหลายพื้นที่ กองพลน้อยยูเครนที่เพิ่งพัก ก็ถูกหมุนเวียนไปในพื้นที่เหล่านั้น เพื่อทดแทนหน่วยที่ได้รับความเสียหาย สถานการณ์กำลังเป็นแบบไดนามิก ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต่างเปลี่ยนเป็นได้และเสียอยู่หลายครั้งตลอดทั้งวัน จนส่งผลให้มองเห็นสถานการณ์ได้ไม่ชัดเจน
