“กกต.” แจงแล้ว ปมบัตรเลือกตั้งในกองขยะ วอนอย่าหลงเชื่อ อย่าแชร์ เสี่ยงเจอโทษหนัก

"กกต." แจงแล้ว ปมบัตรเลือกตั้งในกองขยะ วอนอย่าหลงเชื่อ อย่าแชร์ เสี่ยงเจอโทษทั้งปรับ-จำคุก

วันที่ 22 พ.ค. 66 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีที่มีบุคคลใช้ชื่อบัญชีว่า futkong_lewjunjin และ Revolutio ได้นำเสนอข่าวที่เป็นความเท็จว่า “พบบัตรเลือกตั้งสีม่วงและสีเขียวทิ้งอยู่ในกองขยะ” โดยได้นำเสนอภาพนิ่งและคลิปวิดีโอเผยแพร่ให้แก่สื่อสารมวลชนในรูปแบบต่างๆ จนทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าได้พบบัตรเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในกองขยะนั้น

กกต.ขอเรียนชี้แจงว่า ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ที่ได้นำมาเสนอต่อสาธารณชนเป็นความเท็จทั้งสิ้น กล่าวคือ เหตุการณ์ตามที่นำเสนอ เกิดขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 โดยวันดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลที่สร้างความวุ่นวายจำนวนหนึ่ง บุกเข้ามาในสถานที่เก็บรักษาบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ ณ ศาลาประชาคม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำเขตเลือกตั้งที่ 10 ได้นำบัตรเลือกตั้งที่เหลือจากการออกเสียงลงคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 10 จำนวน 151 หน่วย นำมากองรวมกันไว้บนพื้นห้องโถงของอาคารศาลาประชาคม อำเภอสัตหีบ เพื่อทำการคัดแยกจัดหมวดหมู่ของบัตรเลือกตั้งและเอกสารที่ได้รับจากเขตเลือกตั้งที่ 10 ทั้งหมด เพื่อที่จะนำไปเก็บรักษาไว้ ณ สนง.กกต.จังหวัดชลบุรี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายจาก กกต.ประจำเขต 10 ได้มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหญิงผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ได้เข้าไปหยิบฉวยถุงบรรจุบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติก อย่างละ 1 ถุง ออกไปจากความครอบครองของเจ้าหน้าที่ประจำเขตเลือกตั้งที่ 10 และนำบัตรเลือกตั้งดังกล่าว ออกไปจากสถานที่เก็บรักษา นำไปแสดงให้แก่ประชาชนที่รออยู่นอกอาคาร กล่าวหาโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ได้พบบัตรเลือกตั้งจำนวน 2 ถุง ทิ้งอยู่ในกองขยะ

กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏว่ามีกองขยะอยู่ภายในอาคารดังกล่าวแต่อย่างใด ภาพที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน คือ กองวัสดุอุปกรณ์, ถุงต้นขั้วบัตรเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งที่เหลือจากการเลือกตั้งเป็นบัตรที่ถูกทำลายด้วยวิธีการเจาะรูและร้อยเชือกแล้วทั้งสิ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ของ กกต. และกรรมการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 10 เป็นผู้ควบคุมดูแลและตรวจสอบ เพื่อคัดแยกบัตรดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

 

ดังนั้น การนำเสนอภาพข่าวและคลิปวิดีโอ จึงเป็นความเท็จ ผู้ใดแชร์ข่าวดังกล่าวด้วยวิธีการกดไลค์ กดแชร์ รีทวีต รีโพสต์ ทางยูทูบ ทางติ๊กต็อก ส่งต่อทางไลน์ไปยังกลุ่มต่างๆ หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ผู้เสียหายแจ้งความ เจ๊ "ดารา เรียน" คนดังสาวกัมพูชาหัวใจไทย ข้อหายักยอกทรัพย์ ตำรวจเตรียมออกหมายจับ
สุดสลด หญิงไทยวัย 28 ปี เสียชีวิตปริศนาในปอยเปตรายที่ 2 ยังไม่ทราบสาเหตุ เตรียมส่งร่างชันสูตรนิติเวช รพ.ตร.
ทีเส็บสำรวจเส้นทางไมซ์ล้านนา "สัมผัสอารยธรรมล้ำค่าแห่งลำพูน"
“ธรรมนัส” ยันรายชื่อสมาชิกพรรค “กล้าธรรม” ของจริง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลั่นเปรียบเป็นต้นไม้ใหญ่ ไม่หวั่นถูกตรวจสอบ
ดีป้า จัดกิจกรรม AI Transformation Roadshow ครั้งที่ 2 จ.เชียงใหม่
สุโขทัย ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้น้ำท่วม เผาศพไม่ได้ ซ้ำต้นไม่ล้มทับรถเสียหาย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​