เมื่อวันที่ 3 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.บ้านทัพไทย ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว น.ส.สุพรรษา 28 ปี ผู้เสียหาย และ นางอัจฉรา 37 ปี พี่สาว ม.2 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมญาติ ได้เดินทางไปที่ห้องสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบ้านทัพไทย เพื่อพบกับ ร.ต.อ.ประสพชัย แสงโตโพธิ์ รอง สว.(สอบสวน) ช่วยราชการ พง ส.สภ.บ้านทัพไทย และ ร.ต.อ.วีระนนท์ ธนาณัฐเศรษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านทัพไทย กรณีมีการแจ้งความตามประจำวันข้อที่ 1 ลงวันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 10.09 และวันที่ 22 ต.ค.68 ตามที่ นายภัทรพล ลูกชายของ น.ส.ดารา เรียน หญิงชาวกัมพูชาคนดัง ที่ออกมาเปิดโปงปัญหากรณีชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีแจ้งความเอาผิดกำนันลี ผู้มีอิทธิพลบ้านหนองจานและภรรยาคนไทย จนได้ชื่อว่า เป็นคนกัมพูชาหัวใจไทย ซึ่งได้แจ้งความกรณีซื้อขายบ้าน ม.8 ต.ทัพเสด็จ ในพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน แต่ผู้ซื้อไม่ได้บ้านตามที่ระบุในสัญญา
ทั้งนี้ น.ส.สุพรรษาฯ ในฐานะผู้เสียหาย ได้แจ้งความเช่นกัน หลังจากซื้อบ้านจาก น.ส.ดารา เรียน แม่ของ นายภัทรพลฯ ซึ่งระบุว่า เป็นบ้านเดี่ยว แต่ปรากฏว่า บ้านที่ได้ เป็นเพียงห้อง ๆ หนึ่งในรีสอร์ทแห่งหนึ่งของผู้ขาย ทำให้ได้รับความเสียหายและทำให้เสียทรัพย์ จึงไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่า หลังการสอบสวนพบว่า นายภัทรพลฯ ผู้เป็นลูก ถูกแม่( น.ส.ดารา เรียน) ใช้ชื่อลูกในฐานะผู้ได้รับมรดกจากพ่อ และตกเป็นจำเลย หลอกขายบ้าน
โดย น.ส.สุพรรษาฯ กล่าวว่า ตามสัญญาที่ระบุว่า ในการซื้อบ้านจะผ่อนชำระเดือนละ 8,000 บาท แต่หลังซื้อบ้านมาทาง นางดารา เรียน ได้เรียกเก็บเงินค่าบ้านเป็นระยะ ๆ รวมเป็นเงินสดกว่า 8 แสนบาท และค่าอื่น ๆ รวมกว่า 1 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้บ้านตามที่ตกลงกัน ซึ่งบ้านเลขที่ที่ระบุไว้ เป็นเลขที่บ้านในรีสอร์ทเพียง 1 ห้อง กับ 1 ห้องน้ำ ขณะที่บ้านที่มีการตกลงกัน เป็นบ้านกรรมสิทธิ์ของสามีเก่าของ น.ส.ดารา เรียน ที่มีการยกให้ลูกตามกฎหมายไปแล้ว ซึ่งเธอไม่มีสิทธิ์นำไปขาย ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงต้องการเรียกร้องเงินที่จ่ายไปกว่า 1 ล้านบาทคืน หากสามารถนำเงินที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด คืนให้ได้ จะถอนแจ้งความ และไม่ต้องการบ้านหลังดังกล่าวอีกแล้ว
ทางด้าน ร.ต.อ.ประสพชัย แสงโตโพธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านทัพไทย กล่าวว่า วันนี้ คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เจรจาพูดคุย กันเหตุดังกล่าว เกิดจากการเข้าใจผิด ในข้อเท็จจริง นายภัทรพลฯ ไม่ติดใจจะดำเนินคดีใด ๆ ประสงค์ขอถอนคำร้องทุกข์ไปจากพนักงานสอบสาน และนางสาวสุพรรษาฯ ได้รับทราบแล้ว ไม่โต้แย้งในการถอนคำร้องทุกข์ในครั้งนี้ พนักงานสอบสวน พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีเป็นความส่วนตัวที่ยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว และคู่กรณีได้ตกลงกันเองด้วยความสมัครใจ ไม่มีผู้ใดบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง แต่อย่างใด สิทธิการนำคดีอาญานำมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) จึงให้ถอนคำร้องทุกข์ ไปแต่เวลานี้ จึงบันทึกไว้
ร.ต.อ.ประสพชัย ให้ข้อมูลอีกว่า ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหา กลายเป็นลูกของ น.ส.ดารา เรียน เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านที่แม่นำไปขายโดยที่ตนเองไม่รับรู้เรื่อง ทางผู้เสียหายจึงมีการพูดคุยตกลงกันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้เสียหายจึงถอนแจ้งความ ไม่ต้องการเอาผิดเด็ก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วย และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีกับ น.ส.ดารา เรียน ในข้อหาแจ้งความเท็จและกล่าวหาพนักงานสอบสวนว่า รับสินบน ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้ว และส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 ไปยัง น.ส.ดารา เรียน ในวันนี้ หากไม่มารับทราบข้อกล่าวหา จะมีการออกหมายจับในอีก 7 วันข้างหน้า ซึ่งในขั้นตอนการสอบสวนทราบว่า น.ส.ดารา เรียน หลบไปพักอยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีดังกล่าวไปยัง น.ส.ดารา เรียน ซึ่งเธอระบุว่า ถูกกลั่นแกล้งจากกรณีนี้ โดยเธอมีหลักฐานเกี่ยวเรื่องนี้หลายเรื่องเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากล จึงได้นำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ ร้องเรียนไปยังตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว และยินดีที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ เนื่องจากถูกหลายคนรวมตัวกัน เพื่อกลั่นแกล้งให้ถูกดำเนินคดี และพร้อมจะเข้าพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
ภาพ/ข่าว ประสาน โพธิ์ทอง ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.สระแก้ว
