“จุรินทร์” ลั่นระฆังนับหนึ่ง FTA ไทย-ยูเออี สร้างแต้มต่อให้สินค้า-บริการ-ลงทุนในไทย หลังสำเร็จคาดสร้างเงินทันทีปีแรก 70,000 ล้าน

“จุรินทร์” ลั่นระฆังนับหนึ่ง FTA ไทย-ยูเออี สร้างแต้มต่อให้สินค้า-บริการ-ลงทุนในไทย หลังสำเร็จคาดสร้างเงินทันทีปีแรก 70,000 ล้าน

วันที่ 9 พ.ค.66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมหารือกับ ดร.ธานี บินอาเหม็ด อัลเซ ยูดี (H.E. Dr. Thani bin Ahmed Al Zeyoudi) รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่โรงแรมเรเนซองส์ จังหวัดภูเก็ต

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อสักครู่เป็นการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) นับหนึ่งเปิดเจรจาจัดทำเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทุกอย่างดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง นับจากการที่ตนนำคณะผูแทนกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนเยือนยูเออีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเพียง 3 เดือน สามารถประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำเอฟทีเอระหว่างกันหรือเรียกว่า CEPA ซึ่งจะเริ่มต้นการเจรจาในวันที่ 16-18 พฤษภาคม โดยยูเออีเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเป็นครั้งแรกที่ดูไบ ทั้งนี้ ตนมอบหมายให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศนำคณะไปเจรจา โดยตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

ข่าวที่น่าสนใจ

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย เอฟทีเอระหว่างไทยกับยูเออีจะถือว่าเป็นเอฟทีเอฉบับประวัติศาสตร์ฉบับหนึ่งที่สามารถทำได้เร็วที่สุด คาดว่าจนเสร็จใช้เวลาเพียง 9 เดือน ถ้าฉบับนี้ประสบความสำเร็จจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ ประการที่หนึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยคือสามารถใช้ยูเออีเป็นประตูส่งสินค้าและบริการไปยังอีก 5 ประเทศ สมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับหรือ GCC ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน โอมาน กาตาร์ และคูเวต โดยอัตโนมัติ

ประการที่สอง จะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกที่ไทยจะส่งออกไปยังยูเออีคาดว่าจะสูงขึ้นมาก มูลค่าการค้าปี 2565 ระหว่างไทยกับยูเออีประมาณ 730,000 ล้านบาท ตัวเลขการส่งออกไทยไปยูเออี ปี 2565 มีมูลค่า 119,000 ล้านบาท คาดว่าจากการทำเอฟทีเอแล้วจะเพิ่มมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 10% ทันที( 70,0000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี) หรืออาจมากกว่านั้น

สินค้าจะได้รับประโยชน์ทันที เช่น อาหาร อาหารทะเลกระป๋อง อาหารทะเลแปรรูป สิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ แอร์คอนดิชันเนอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง เป็นต้น ส่วนภาคบริการไทยจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ต่อไปในอนาคต นอกจากจะได้แต้มต่อในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอีก 5 ประเทศสมาชิก GCC แล้ว จะถือเป็นเอฟทีเอฉบับแรกของไทยที่ทำกับประเทศในตะวันออกกลาง ถือเป็นฉบับที่ 15 ของไทย กับ 19 ประเทศ และถ้าเอฟทีเอไทยกับสหภาพยุโรปเสร็จสิ้น จะมีผลให้มีเอฟทีเอเพิ่มเป็น 16 ฉบับ กับ 46 ประเทศ

“ถือเป็นเอฟทีเอฉบับก่อนการเลือกตั้งและกระทรวงพาณิชย์ช่วยกันทำงานหนัก เพื่อประโยชน์ของประเทศ ทำกันจนนาทีสุดท้ายเพื่อประโยชน์ของการค้าการลงทุนเศรษฐกิจของประเทศเรา” นายจุรินทร์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิธรรม" เผย "นายกฯ" โทรเคลียร์ "แม่ทัพภาคที่ 2" แล้ว รับเข้าใจได้ ประเด็นพูดคุย "ฮุน เซน"
"ตร.ทางหลวง" สกัดจับแรงงานต่างด้าวเถื่อน 33 คน คาสำนักสงฆ์เมืองกาญจน์
"นายกฯอิ๊งค์" รับสภาพ คลิปจริงคุย "ฮุน เซน" ขออย่าถือสา พาดพิง "แม่ทัพภาคที่ 2" เจตนาลดรุนแรงเจรจา
ชาวกัมพูชาชุมนุมในพนมเปญราว 1 แสน 5 หมื่นคน
"ดร.โอฬาร" ชี้ชัดภท.ถอนตัวร่วมรัฐบาล ทำเสียงปริ่มน้ำ ไร้เสถียรภาพ "เพื่อไทย" โดนลดอำนาจต่อรอง
"ฮุนเซน" สุดเหลี่ยม แฉคุย "นายกฯอิ๊งค์" จริง ถกขัดแย้ง 2 ประเทศ เตรียมปล่อยคลิปเต็ม อ้างเพื่อความโปร่งใส
"อนุทิน" ลาแล้ว เก็บของห้องทำงาน "มหาดไทย" ทันที หลังประกาศใส่ "เพื่อไทย" ต่างคนต่างอยู่
ฮุนเซนยอมรับคุยนายกไทยจริงเตรียมปล่อยคลิปเต็ม
นายกฯ บอกไม่มีอะไรจะพูด หลัง "อนุทิน" ประกาศพร้อมแยกทาง
"อนุทิน" ลั่นเด็ดขาด ต่างคนต่างไป​ ​ ถ้า "เพื่อไทย" รักษาข้อตกลงไม่ได้​ ย้ำพร้อมแยกทาง​ ไม่ยอมคืนเก้าอี้ มท.1

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น