No data was found

“เอสซี แอสเสท” ใจใหญ่ควัก 1.23 พันล้าน ซื้อที่ดิน “ชินวัตร” สร้างคอนโดฯขายรับศก.ฟื้นตัว

กดติดตาม TOP NEWS

บมจ.เอสซี แอสเสทฯ เตรียมขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซื้อที่ดินจากครอบครัวชินวัตร 22 แปลง มูลค่าประมาณ 1,239 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ฝั่งธนบุรี ถนนลาดหญ้า ชี้ทำเลดี การคมนาคมสะดวก รับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ

สืบเนื่องจากกรณีที่ก่อนหน้านี้ “ครอบครัวรัตนพันธ์”  ได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี และร้องเรียนต่อหลายหน่วยงาน ว่าบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณย่านรามอินทรา เป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และครอบครัวต้องแตกสาแหรกขาด
เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ที่ผ่านมาทางครอบครัวรัตนพันธ์ ต่อสู้คดีกันด้วยตนเองมายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์ จำนวน 1,503 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมาแล้วนั้น

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2566 ได้มีมติเห็นชอบในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์) ในวันที่ 19 เม.ย.66 เวลา 14.00 น.

 

 

โดยหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 ระบุว่า บริษัท เอสซี แอสเสท โฟร์ จำกัด (SC FOUR ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC มีแผนจะเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินทั้งหมด 22 แปลง พื้นที่รวมประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 36.3 ตารางวา หรือ 1,936.3 ตารางวา บนถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร จากบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (RENDE) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกันกับ SC มูลค่ารวม 1,239.23 ล้านบาท เพื่อเป็นที่ดินหลักของที่ดินรวมเพื่อที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อขาย ตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท

 

 

โดยแบ่งชำระค่าที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ 124 ล้านบาท จะชำระในวันที่เข้าทำสัญญา และส่วนที่สองคือ 1,115.23 ล้านบาท จะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมทั้งสองส่วนเป็นจำนวนเงิน 1,239.23 ล้านบาท (ราคาซื้อขายตารางวาละ 640,000 บาท) ทั้งนี้ RENDE (ผู้จะขาย) จะเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

สำหรับบริษัท เอสซี แอสเสท โฟร์ จำกัด (SC FOUR) ในฐานะผู้ซื้อ และบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (RENDE) ในฐานะผู้ขาย ถือเป็นคู่สัญญาที่บุคคลมีความเกี่ยวข้องกัน

โดย SC FOUR เป็นบริษัทย่อย ของ SC ซึ่งครอบครัวชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 60.29% โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้น 28.81%, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ 27.89%, คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 2.78%, นายพานทองแท้ ชินวัตร 0.33% ในบริษัทเอสซี แอสเสทฯ และเป็นผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน ครอบครัวชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน RENDE ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของบริษัท ประกอบกับนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการของ SC และดำรงตำแหน่งกรรมการของ SC FOUR และเป็นสามีของน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ของบริษัท SC จำนวน 1,176,915,495 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.89 และถือหุ้นใน RENDE จำนวน 138,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)

 

ดังนั้น การเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันดังกล่าว ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ของบริษัท SC โดยต้องได้รับคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย

 

เอสซี แอสเซทฯ ได้ระบุในเอกสารที่จะเสนอต่อผู้ถือหุ้น ว่า SC FOUR ได้พิจารณาถึงแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ประกอบกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลฝั่งธนบุรี (วงเวียนใหญ่-ลาดหญ้า) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ

ในขณะที่อุปทานพร้อมขายในทำเลบริเวณใกล้เคียงโครงการเหลือเพียง 75 ยูนิต และมีอุปทานเพิ่มอีก 508 ยูนิตของโครงการ Flo by Sansiri ที่เพิ่งเปิดโครงการเมื่อไตรมาสที่ 4 ปี 2565 รวมเป็น 583 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่บริษัทย่อยของบริษัทจะลงทุนพัฒนาโดรงการคอนโดมิเนียมในทำเลดังกล่าว

 

โดย SC FOUR ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ทั้งด้านการตลาด การเงิน การก่อสร้าง และข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเห็นว่าโครงการนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ และสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายทางธุรกิจ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมนูกู้แหล่งน้ำ อีกหนึ่งทางออก “ปลาหมอคางดำ” โดย ผศ.ดร.นันทิภา พันธุ์สวัสดิ์ ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ไทยป้อนรถยนต์สู่ตลาด ‘เวียดนาม’ มากสุดไตรมาสแรก
จีน สมาคมยานยนต์ประณาม 'สหรัฐฯ' กีดกันการค้ารถอีวี
"กรมโยธาฯ" นำมท.2 ตรวจความพร้อมก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งเพชรบุรี มั่นใจลดเดือดร้อนปชช.
ลูกจ้างโรงแรมม่านรูดหาลำไพ่พิเศษ ผันตัวเป็นแม่เล้า ค้ากามเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี สอบสวนกลางรวบ
จีน ปูตินเตรียมเยือนปักกิ่งสัปดาห์นี้
ยูเครน บลิงเคนดอดเยือนเคียฟไม่บอกล่วงหน้า
"ทนายด่าง" จี้ปฏิรูป รพ.ราชทัณฑ์ เผยรมว.ยุติธรรม โทรคุยขั้นตอนผ่าพิสูจน์ศพ
ครม.เห็นชอบ แต่งตั้งข้าราชการการเมือง 8 ราย
เปิดพินัยกรรม "บุ้ง ทะลุวัง" ยกอะไรให้ "หยก-พี่สาว" พร้อมบริจาคร่างกายให้คณะแพทย์มธ.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น