No data was found

เช็คลิสต์ ยา 6 ชนิด “ยากินแล้วง่วง” ต้องระวัง ระหว่างขับรถ

ยากินแล้วง่วง, สงกรานต์ 2566, อุบัติเหตุ, ขับรถ, ง่วงซึม, อ่อนเพลีย, ยาแก้แพ้, ยาแก้เมารถ

กดติดตาม TOP NEWS

ใกล้วันหยุดยาว ใครมีแพลนขับรถเที่ยวเช็คให้ดี 6 "ยากินแล้วง่วง" ต้องระวัง ระหว่างขับรถ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เช็ค

สงกรานต์ 2566 หยุดยาวมาเยือนทั้งที ขับรถเที่ยวกับครอบครัวหรือชาวแก๊งคงจะฟินไม่น้อย และเพื่อให้เที่ยวสนุกขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ TOP News รวม 6 “ยากินแล้วง่วง” ที่ต้องระวัง ระหว่างขับรถ มาฝาก เช็คให้ดีก่อนสาย

ข่าวที่น่าสนใจ

“ยากินแล้วง่วง” คืออะไร

  • ยาที่ทำให้ง่วงซึม
  • บางกลุ่มส่งผลให้อ่อนเพลีย วูบ หรือรบกวนการมองเห็นได้
  • จนบางครั้งกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน รวมไปถึงเสี่ยงต่อการขับขี่ยานพาหนะด้วย

6 ชนิดยา กินแล้วง่วง ต้องระวัง ระหว่างขับรถ

1. ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine)

  • รู้จักกันในชื่อ ยาแก้แพ้หรือยาแก้โรคภูมิแพ้
  • รวมถึงกลุ่มยาแก้เมารถ เช่น คลอเฟนิรามีน พบทั้งชนิดที่เป็นยาเดี่ยวและชนิดผสม
  • ส่งผลให้เกิดการกดประสาท ทำให้ง่วงนอน มึนงง มองไม่ชัด
  • นอกจากไม่ควรใช้ยาก่อนที่จะขับขี่ยานพาหนะแล้ว ยังไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ร่วมกับการดื่มสุรา หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาทด้วย

2. ยาคลายเครียด/ยานอนหลับ/ยารักษาโรคจิตเวช และยารักษาโรคทางระบบประสาทบางชนิด

  • เช่น ไดอะซีแพม อัลพาโซแลม
  • ยากลุ่มนี้เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง มีผลต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น
    • เกิดอาการซึมมาก
    • หลับนานผิดปกติ
    • กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
    • ส่งผลให้การตัดสินใจล่าช้า มีผลต่อการทำงานของร่างกายในการรับรู้ของอวัยะต่าง ๆ และสั่งการทำงานของแขนขา
  • ซึ่งหากรับประทานยาในกลุ่มนี้แล้วมาขับขี่ยานพาหนะอาจจะมีอาการง่วงซึมค้างจากยา หรือประสิทธิภาพในการตัดสินใจในการขับขี่ลดลง อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

 

ยากินแล้วง่วง, สงกรานต์ 2566, อุบัติเหตุ, ขับรถ, ง่วงซึม, อ่อนเพลีย, ยาแก้แพ้, ยาแก้เมารถ

 

3. ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมอนุพันธ์ของฝิ่น

  • เช่น ทรามาดอล
  • มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้พบผลข้างเคียงตั้งแต่อาการใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม จนถึงรุนแรง เช่น
    • กดศูนย์การหายใจของร่างกาย
    • กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก
    • ประสาทหลอน
  • จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะด้วยตนเองขณะที่ใช้ยานี้

4. ยาแก้ไอหลายชนิดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่น

  • เช่น ยาแก้ไอน้ำดำที่มีส่วนผสมของโคเดอีน 
  • จะส่งผลให้คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม ลดประสิทธิภาพในการขับขี่
  • การใช้ยาในขนาดสูงทำให้การหายใจหยุด ช็อก และหัวใจหยุดเต้น

5. ยาคลายกล้ามเนื้อ/แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

  • มีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง
  • ลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดตึง ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • จนบางครั้งอาจทำให้แขนขาอ่อนแรง และใช้งานในการควบคุมได้ไม่ดีพอ

6. ยาประเภทอื่น ๆ

  • เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง/ยารักษาโรคหัวใจ และยาหยอดตา ที่มีผลรบกวนการขับขี่ยานพาหนะ

 

ยากินแล้วง่วง, สงกรานต์ 2566, อุบัติเหตุ, ขับรถ, ง่วงซึม, อ่อนเพลีย, ยาแก้แพ้, ยาแก้เมารถ

 

ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอาการง่วงนอนจาก “ยากินแล้วง่วง” ขณะขับรถ

1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในช่วงก่อนและขณะขับรถ

  • โดยสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา เช่น ยานี้ทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานยนต์หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงต่อการพลัดตกจากที่สูง
  • หรือ ควรทดสอบก่อนว่า รับประทานยานี้แล้วไม่ง่วง เป็นต้น

2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนร่วมกับแอลกอฮอล์

  • โดยสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา เช่น ไม่ควรรับประทานร่วมกับสุราหรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ
  • หรือ ยานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่…% ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

 

ยากินแล้วง่วง, สงกรานต์ 2566, อุบัติเหตุ, ขับรถ, ง่วงซึม, อ่อนเพลีย, ยาแก้แพ้, ยาแก้เมารถ

 

3. ยาบางชนิดรบกวนการมองเห็น

  • เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม
  • แม้จะทำให้ตาพร่ามัวเพียงชั่วคราวแต่ไม่ควรใช้ระหว่างขับรถ

4. การใช้ยาที่ทำให้วูบ ใจสั่น หน้ามืด อ่อนเพลีย

  • ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาลดความดันโลหิต
  • ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลข้างเคียงให้ชัดเจน
  • ไม่ควรหยุดยาหรือปรับการใช้ยาเองเพื่อขับรถ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเอง

ยาที่ส่งผลต่อการขับขี่ยานพาหนะ พบได้ทั้งชนิดที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ซึ่งได้จากโรงพยาบาล และเป็นยาสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้เองตามร้านขายยาและร้านค้าทั่วไป ดังนั้น **ก่อนใช้ควรอ่านคำแนะนำบนฉลาก และปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด** เพื่อความปลอดภัยควรเลือกซื้อาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง มีเภสัชกรประจำร้านที่ได้มาตรฐาน สามารถให้คำแนะนำการใช้ยาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจะดีที่สุด

ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นาทีพายุกำลังแรงเทียบเฮอร์ริเคนถล่มเท็กซัส ตาย4 (คลิป)
ชายแอลจีเรียหายตัวไป ที่แท้โดนเพื่อนบ้านขัง 26 ปี
สอบสวนกลาง ทลายเพจปล่อยเงินกู้ ดอกเบี้ยโหด “FVG money" จับ 3 ผตห. เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้าน
"หนุ่มโอลี่แฟน" ทำคอนเทนต์ค้าประเวณีเด็ก 17 ปี ขายในกลุ่มลับ
ทลายกลุ่มลับ จับ MC หนุ่มหล่อ หลอกเด็ก 13 ปี ถ่ายคลิปขายในกลุ่มไลน์
"อธิบดีกรมราชทัณฑ์" ไล่เรียงไทม์ไลน์ชัดๆ "บุ้ง ทะลุวัง" มีอาการวูบก่อนเสียชีวิต
อดีตแอดมิน แฉลากไส้ "ลัทธิเชื่อมจิต" เคยทักเป็นลูก ปั้นมาจากขี้เลื่อย เพื่อให้มาช่วยงาน "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" เผยแม่เคยเป็นร่างทรง
"อคส." แจงดูแลกองข้าวค้างโกดังตามขั้นตอนปกติ ไร้สับเปลี่ยนข้าวสารจัดฉากกิน พร้อมฟ้องผิดไม่หยุดบิดเบือน
"ทนายอนันต์ชัย" ร้อง พม. เอาผิดพ่อ-แม่ "น้องไนซ์ เชื่อมจิต" พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
"รมว.ดีอี" แจ้งศาลอาญามีคำสั่งปิดแพลตฟอร์ม "ลอตเตอรี่ พลัส" แล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น