“โฆษก ทบ.” ขอคนไทยมั่นใจ ย้ายอาวุธหนักได้ทัน หากเกิดปัญหาเขมรละเมิดข้อตกลง

"โฆษก ทบ." ขอคนไทยมั่นใจ ย้ายอาวุธหนักได้ทัน หากเกิดปัญหาเขมรละเมิดข้อตกลง

 

วันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงข้อกังวลของประชาชนบางส่วนต่อกรณีการถอนอาวุธกลับที่ตั้งจังหวัดลพบุรี อาจจะไกลจากพื้นที่ชายแดนมากเกินไปว่า กองทัพบกจะสามารถเคลื่อนย้ายอาวุธกลับเข้าพื้นที่ได้ทัน หากเกิดปัญหาทางกัมพูชาไม่ทำตามสัญญาเรื่องข้อตกลงการถอนอาวุธ

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวฝ่ายกัมพูชาขัดขวางไม่ให้ AOT เข้าสังเกตการณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์นั้น โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC ได้เดินหน้าปฏิบัติตามแผน แม้ฝ่ายกัมพูชายังอยู่ระหว่างรอคำสั่งจากหน่วยเหนือ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของ TMAC ในพื้นที่ช่องสายตะกู ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตามแผนตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2568

ปัจจุบัน TMAC ได้เข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่แล้ว ร้อยละ 7.62 ของพื้นที่ทั้งหมด 355,026 ตารางเมตร โดยระหว่างการปฏิบัติงานได้พบปัญหาและข้อขัดข้องบางประการ ดังนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

-เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ขณะฝ่ายไทยดำเนินการพิสูจน์ทราบสนามทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทย โดยอ้างอิงเส้นปฏิบัติการตามแผนที่ มาตราส่วน 1 : 50,000 ได้พบทหารกัมพูชาอยู่ในเส้นทางปฏิบัติการ จึงได้เข้าพบปะและเจรจาเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ผลการเจรจา ฝ่ายกัมพูชาได้ขอให้ฝ่ายไทยดำเนินการพิสูจน์ทราบเฉพาะในพื้นที่ฝั่งไทย โดยอ้างอิงแนวเส้นทางลาดตระเวนเดิม และขอไม่ให้มีการดัดแปลงพื้นที่ เช่น การวางลวดหนาม แต่สามารถทำการถากถางพื้นที่ หรือทำเครื่องหมายได้ ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาแจ้งเพิ่มเติมว่า ยังไม่สามารถเริ่มทำการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิดในฝั่งของตนได้ เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งจากหน่วยเหนือ ภายหลังการเจรจาฝ่ายไทยได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบสนามทุ่นระเบิดต่อไปตามแผนงานในเขตไทย โดยมีทหารกัมพูชาเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นภารกิจในวันนั้น

-ต่อมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน 68 คณะ AOT ฝ่ายไทย ได้ลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในบริเวณช่องสายตะกู โดยฝ่ายไทยได้รายงานผลการดำเนินงานและปัญหาข้อขัดข้องดังกล่าวให้คณะ AOT ฝ่ายไทยได้รับทราบ

 

ทั้งนี้ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนถือเป็น ข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งได้มีมติและเห็นชอบในที่ประชุมระดับผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา ปัจจุบันฝ่ายไทยได้ยืนยันความพร้อมและดำเนินการตามแผนที่เสนอต่อฝ่ายกัมพูชา ครอบคลุมทั้ง 13 พื้นที่ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในประเด็นดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กอ.รมน.ลำปาง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบ้านแม่พุ อ.เถิน
ผอ.ยะลา เขต 3 ตรวจเยี่ยมโรงเรียน
"ศาลรธน." ตีตก 2 คำร้อง กล่าวหา "อนุทิน" ทำ MOA พรรคปชน.ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทำผิดล้มล้างการปกครอง
เรือนจำเบตงประดิษฐ์ริบบิ้นสีดำ มอบให้นายอำเภอและหน่วยงานราชการ
MEA ห่วงใย เตือนภัย อันตรายจากไฟฟ้า ในช่วง "ฝนตก-น้ำท่วม"
MEA เตือน! ดัดแปลงไฟบ้าน-ขุดบิตคอยน์ เสี่ยงไฟไหม้ และอันตรายถึงชีวิต

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​