ปปง.แจงแล้ว ปมเงินบริจาค 6 ล้าน “ชูวิทย์” จ่อสอบเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

ปปง.แจงแล้ว ปมเงินบริจาค 6 ล้าน "ชูวิทย์" จ่อสอบเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ออกมาเปิดเผยข้อมูล กล่าวหาว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง รับเงินจากสารวัตรซัว เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 6 ล้านบาท ซึ่งต่อมาปรากฎว่า นายชูวิทย์ ยืนยันว่าเงินดังกล่าวมีตำรวจนำมาให้ และได้นำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล 2 แห่งแล้วนั้น

ล่าสุด นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวกรณีมีบุคคลนำเงินที่ได้จากผู้กระทำความผิดมูลฐานไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาล จำนวน 2 แห่ง มีข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เป็นเงินจากคนที่มีพฤติการณ์การกระทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์

สำนักงาน ปปง. มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเบื้องต้น 2 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ 1 เงินบริจาคดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือไม่ โดยปัจจุบันสำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของกลุ่มผู้กระทำความผิดมูลฐานและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเงินบริจาคดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานสำนักงาน ปปง. จะพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยเร็ว และหากสำนักงาน ปปง. ตรวจสอบพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอื่นๆสำนักงาน ปปง. จะเสนอคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณายึดอายัดทรัพย์สินดังกล่าวตามกฎหมาย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ประเด็นที่ 2 มีพฤติการณ์การกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินหรือไม่

เมื่อมีการกระทำความผิดมูลฐานเกิดขึ้นและมีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดการที่บุคคลใดได้รับทรัพย์สินดังกล่าวจะเข้าช่ายมีความผิดอาญาฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ก็ต่อเมื่อมีพฤติการณ์การกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 5 ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ทั้งนี้ หากคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งยึดเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวและได้มีการส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินบริจาคจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดินและปรากฏพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 สำนักงาน ปปง.จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 ระบุเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินไว้ 3 ข้อ ดังนี้

1.โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการ กระทําความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ

2.กระทําด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออําพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจําหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด

3.ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดผู้นั้นกระทําความผิดฐานฟอกเงิน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชุมชนหมู่บ้านพฤกษา 20 จัดงานนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร (องค์จำลอง) ครบรอบปีที่ 10 อย่างยิ่งใหญ่ ต้อนรับปลายปี–ปีใหม่
เปิดนิทรรศการ “กากเหล้าแดง” มรดกอาหารจีนฮกจิว
ตร.นครสวรรค์ เร่งคลายปมชายถูกฆาตกรรม หัวขาด กลางไร่อ้อย ตำรวจชี้อาจป่วยตาย แต่ญาติยังติดใจเรื่องการตาย
แม่ใจสลาย! กลับจากทำบุญ พบ ลูกชายป่วยซึมเศร้า กรีดแขนลาโลกคาเตียง!
"นายกฯอนุทิน" ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้านศูนย์พักพิง "บุรีรัมย์-สุรินทร์" ลั่น "ทนได้ก็ทนไป" กัมพูชาไม่เจรจา ไม่รับผิดชอบผิดละเมิด
ปู่ฤาษีพรหมเมศศักดิ์สิทธิ์ลูกศิษย์นำฟักทอง 999 ลูกแก้บนไม่พลาดส่องเลขเทวะบันดาลอ่างน้ำมนต์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​