ไม่นิ่งนอนใจ “นายกฯ”สั่งเดินหน้าแผน “3 พื้นที่ 7 มาตรการ” รับมือฝุ่น PM 2.5

ไม่นิ่งนอนใจ "นายกฯ"สั่งเดินหน้าแผน "3 พื้นที่ 7 มาตรการ" รับมือฝุ่น PM 2.5

วันที่ 3 ก.พ. 66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับ และสั่งการให้เดินหน้าแผน “3 พื้นที่ 7 มาตรการ” รับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งในระยะยาวสั้น และระยะยาว รวมทั้ง สั่งการให้ประชาสัมพันธ์สื่อสารให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 พร้อมแจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ที่มีความรุนแรงเกิดจาก ภาพรวมของพื้นที่ ทั้งพื้นที่เมือง พื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่า ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง และเป็นช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน สภาวะอากาศนิ่ง ลมสงบ ส่งผลต่อการสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศ ทำให้ระดับฝุ่นละอองมีค่าสูงขึ้น อีกทั้งอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยเสริมทำให้ PM2.5 อาจมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้ง ติดตามสอบถามการแก้ไขปัญหา การทำงานของทุกหน่วยเป็นระยะ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด

กระทรวงสาธารณสุข กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจังหวัดใดที่มีค่าฝุ่นเกิน 51 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center : PHEOC) เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ ส่วนจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ (OC) ระดับจังหวัดรองรับ รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

กระทรวงคมนาคม ยกระดับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การตรวจสภาพรถบรรทุกและรถโดยสาร การตรวจสอบการดำเนินการของสถานตรวจสภาพรถ การตรวจสอบยานพาหนะของหน่วยงานราชการ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ ลดเผา และ Burn Check) ลดจุดความร้อน ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ ความรุนแรงและอันตรายของไฟ (Fire Danger Rating System : FDRS) เป็นต้น รวมทั้งขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรเพื่อลดปริมาณการเผาในพื้นที่ ทั้งการเคาะประตูบ้านแจ้งข่าวทำ ความเข้าใจ ตลอดจนกำชับให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการชิงเก็บ ลดเผา และการใช้แอปพลิเคชัน Burn Check เพื่อลงทะเบียนและจองเวลา ในการเผาล่วงหน้า เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในแต่ละพื้นที่

นอกจากนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และได้นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ให้ความเห็นชอบและออกเป็นประกาศ ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศให้เข้มงวดขึ้น โดยกรมควบคุมมลพิษจะมีการประกาศใช้ กำหนดมาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ใหม่ จากเดิมประเทศไทยจะใช้ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง กำหนดค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) เป็น ให้ค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. และกำหนดมาตรฐานค่าเฉลี่ยในเวลา 1 ปี จะต้องไม่เกิน 15 มคก./ลบ.ม. โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 โดยจะส่งผลให้มาตรการการควบคุมการปล่อยมลพิษโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่งรถยนต์ จะมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อลดอัตราการปล่อยมลภาวะออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการการควบคุมและลดปริมาณการเผาอ้อยหรือการเผาป่า

 

“รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กำหนดแนวทาง และมาตรการรับมือสถานการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในทุกมิติ พร้อมกับได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก แจ้งเตือน รวมทั้งยกระดับมาตรการการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี ขอความร่วมมือประชาชนให้หันมาใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น หมั่นตรวจบำรุงรักษารถ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้สวมใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อป้องกันตนเองจากฝุ่น” นายอนุชาฯ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“โจ มณฑานี” ถึงน้ำตาซึม อ่านอัปเดตชีวิต 15 ทหารกล้า สู้ศึกเขมร แต่ละคำพูดจุกอก ตอกย้ำหัวใจนักรบ เกินอธิบาย พวกชอบถาม ‘มีทหารไว้ทำไม’
คนบึงกาฬรักสุขภาพ ร่วมกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน–วิ่ง–ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ เมืองไทยไร้สโตรค”
ด่วน!! "ทหารเขมร" เมินข้อตกลง ปรี่ขวางคณะ AOT ตรวจพื้นที่บุรีรัมย์ ดูการเก็บกู้ทุ่ระเบิด ขณะทหารไทย ทภ.1-2 ทยอยถอนอาวุธหนักพ้นชายแดน
ชาวโคราชร่วมแรงศรัทธา ทอดกฐินสามัคคีเตชวโร ประจำปี 2568 บรรยากาศสุดอบอุ่น
ชาวโคราชแตกตื่น ถนนยุบกลางดึก บริเวณหน้าทางเข้าโรงเรียนบุญวัฒนา จนท.เร่งซ่อมก่อนเปิดเทอม
“ทนายเกิดผล” ชี้ชัดการซื้อ "เสื้อเกราะ" บริจาคให้ทหารไม่ผิดกฎหมาย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​