“ยุทธพร” วิเคราะห์ “ภูมิใจไทย” ปมปิดสวิตช์ ส.ว.

“ยุทธพร” วิเคราะห์ “ภูมิใจไทย” ปมปิดสวิตช์ ส.ว.คืนการเมืองไทย กลับสู่วิถีประชาธิปไตย ช่วยพาอำนาจกลับสู่มือประชาชน

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นกรณี ลงมติเรื่องของการปิดสวิตช์ ส.ว.ของพรรคภูมิใจไทยว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของพรคภูมิใจไทย ที่ผ่านมากระแสสังคม และความเห็นของภาคส่วนต่างๆ หรือในบางกลุ่มของ ส.ว. จำนวนไม่น้อย ก็สนับสนุนในการปิดสวิตซ์ส.ว. เพราะการปิดสวิตซ์ ส.ว. เป็นโจทย์ใหญ่ หากต้องการให้อำนาจของ คสช. หมดไปจากการเมืองไทย และเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน จะเห็นได้ว่าหลังการเลือกตั้งปี 2562 มา การเมืองไทยก็ยังอยู่ในภาวะ ประชาธิปไตยที่ถูกควบคุม

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งมีกลไกลทางรัฐธรรมนูญกำกับเอาไว้ โดยการควบคุมข้างต้น ปฏิบัติการผ่านบทบาทของ ส.ว. 250 คน ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ คสช. ทำให้ ส.ว. เป็นสภาถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่เป็นตัวแทนประชาชน แต่กลับต้องมาคอยพะวงกับ ส.ว. ทำให้เสียงของประชาชนไม่สามารถเป็นเสียงที่มีน้ำหนัก ในการสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง เมื่อวันนี้พรรคภูมิใจไทยต้องการสะท้อนถึงเจตจํานงของประชน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จะสะท้อนภาพเชิงบวกให้กับพรรคภูมิใจไทย เพราะที่ผ่านมาการไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพลเอกประยุทธ์ ก็ถูกโจมตีสาหัส ทั้งที่ในความเป็นจริง เป็นอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเห็นแล้วว่า ปี 62 ฟากนั้น รวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่งของสภา ส.ส. และ ส.ว. พรรคจึงตัดสินใจเดินไปทางนั้น ดีกว่า ไปกับอีกฝ่าย แล้วอาจจะกลายเป็นพากันเข้าซอยตัน แต่เขาคงไม่สบายใจ ที่ต้องตัดสินใจ โดยมี ส.ว.มาเป็นเงื่อนไข และการโหวตปิดสวิตช์ ส.ว.มันก็เป็นคำตอบว่าพรรครู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ตอนนั้น ที่การเมือง มันฝืนธรรมชาติ เพราะเขาเลือกไม่ยกมือ งดออกเสียงก็ได้ แต่นี่เลือกอยู่คนละฝ่ายกับ ส.ว.เลย

นายยุทธพร กล่าวต่อว่า แน่นอนว่ากลุ่ม 3 ป. อาจไม่พอใจ ในการไปแตะประเด็นอำนาจ ส.ว. แต่อีกมุมก็ต้องมองว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล ขณะเดัยวกัน ส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในพรรค ทำให้วันนี้พลังประชารัฐมีคะแนนเสียงต่ำกว่า 100 แล้วสถานการณ์ก็ยังไม่สงบ จึงจะเห็นได้ว่าภูมิใจไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพยุงรัฐบาลไว้ ดังนั้นถึงจะมีเห็นต่างกันบ้าง ก็จะไม่ส่งผลกระทบกับการร่วมรัฐบาล เพียงแต่ทุกพรรค ต้องใช้โอกาสนี้ เพื่อสะท้อนจุดยืนด้านประชาธิปไตยของตัวเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จนท.ถอดกล่องดำเครื่องบินตำรวจ ตกทะเลประจวบฯ เตรียมส่งให้แคนาดาหาพิสูจน์สาเหตุ
เร่งล่าตัว "โจรใต้" ลอบวางบึ้ม ตร.ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง นราธิวาส เจ็บ 3 นาย
“ภูมิธรรม” แจงปมถอยกำลังทหารปราสาทตาเมือนธม ทำตามกรอบ MOU 43 ยืนยันไม่ทำไทยเสียดินแดน
ผู้ประกอบการเกาะช้าง-ททท.ตราดระบุนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากกว่าทุกปี
ชัดเจน! เปิดภาพล่าสุด “ทหารไทย” ยืนหยัดบนตาเมือนธม คนไทยแห่ชื่นชม
สีจิ้นผิงเตรียมเยือนรัสเซีย 7-10 พค.
เพจดังปูดอีก หวั่นใจ "ดิว อริสรา" เบี้ยวหนี้ "เมย์ วาสนา" ปมยืมของหรู เตือนรีบกลับไทยก่อน 20 พ.ค.นี้ ไม่งั้นบานปลายหนัก
มุกดาหาร พบอีกผู้ป่วยโรค “แอนแทรกซ์” รายใหม่ 1 ราย รวมสะสมแล้ว 3 ราย
คนร้ายขับรถพุ่งชนประตูสนามบินฟิลิปปินส์ดับ 2 คน
(สหรัฐ)วอร์เรน บัฟเฟตต์ประกาศยุติบทบาทซีอีโอเบิร์กเชียร์ แฮธะเวย์

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น