จากกรณีที่อาเซียน ที่ถูกกล่าวหาว่า ดำเนินงานล้มเหลว ในการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม ตามกรอบแผนสันติภาพที่มุ่งแก้ปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา ดังนั้นอาเซียนจึงพยายามกดดันรัฐบาลให้มากขึ้น ด้วยการสั่งห้ามนายพลของเมียนมาเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาค ซึ่งสมาชิกอาเซียนบางประเทศ ได้กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า อาเซียนจะถูกบังคับให้ต้องคิดหาหนทางใหม่ เว้นแต่รัฐบาลทหารจะแสดงให้เห็นความคืบหน้าในแผนสันติภาพ
ด้านรัฐบาลทหารได้ออกมาประณามอาเซียน ต่อกรณีดังกล่าว โดยกล่าวหา ว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างแรงกดดันจากภายนอก พร้อมปฏิเสธข้อเสนอของอาเซียน ที่ให้ส่งผู้แทนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองไปประชุมอาเซียนแทน โดยนาย จ่อ มิน ทุน โฆษกรัฐบาลทหารได้กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า หากที่นั่งผู้แทนของประเทศใดประเทศหนึ่งว่างลง การประชุมครั้งนั้นก็ไม่ควรถูกเรียกว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน อีกทั้งยังกล่าวว่า สิ่งที่อาเซียนต้องการคือให้ รัฐบาลทหารพบและพูดคุยกับผู้ก่อการร้าย ซึ่งพวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น พร้อมกล่าวเสริมว่า ขณะนี้เมียนมากำลังดำเนินการตามแผนสันติภาพ
ขณะเดียวกันสหประชาชาติก็ได้ออกมาแสดงเคลื่อนไหวที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยการส่งนางนูลีน เฮเซอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูง ไปเยือนกรุงเนปิดอว์ ในสัปดาห์นี้ โดยเธอได้เข้าพบกับ พลเอก มิน อ่อง หล่าย ในวันพุธ และเรียกร้องให้ ผู้ปกครองทหารของเมียนมา ปล่อยตัวนักโทษการเมืองและหยุดการประหารชีวิต ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในประเทศ
ด้านรัฐบาลทหารไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับการหารือกับยูเอ็น เพียงแต่สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลรายงานข่าวว่า ทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมาและสหประชาชาติ โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม