นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ออกประกาศขอเลื่อนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม ในวันที่ 14-20 มิถุนายน ออกไป เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงจัดสรรวัคซีนให้กทม.ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วไป 5 แสนโดส ทั้งที่กระทรวงตกลงจะจัดสรรให้กทม. 1 ล้านโดส นี่ยังไม่ถึง 2 สัปดาห์ กระทรวงฯ ส่งให้กทม.ไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นตกลงไว้ 1 ล้าน ส่งไปแล้ว 5 แสน คำว่าวัคซีนไม่ได้ส่งจากกระทรวงสาธารณสุข พูดอย่างนี้ปราศจากความรับผิดชอบ สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. ควรจะต้องบริหารจัดการวัคซีนที่ได้รับไปจากกระทรวงสาธารณสุขให้ดีที่สุด กระทรวงสาธารณสุขจัดการทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบไปให้ กทม.หมดแล้ว
“สัปดาห์หน้าจะทยอยส่งให้กทม.อีก การกระจายวัคซีนไปตามจุดไหนก็ตามเป็นหน้าที่ของกทม. กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ทำตามที่ ศบค.มอบหมาย มันต้องบริหารจัดการวัคซีน กระจายวัคซีน จำนวนฉีดต่อวัน ต้องวางแผนอย่างดี กระทรวงสาธารณสุขในส่วนที่รับผิดชอบทั่วประเทศก็ไม่เห็นมีใครมีปัญหาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าได้มาเท่าไหร่ก็กระจายแบบไม่วางแผน” นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ในเพจเฟซบุ๊ก “Like Anutin” โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกันว่า อย่าให้คนทำงาน กลายเป็น “แพะ” เรื่องการบริหารจัดการวัคซีนนั้น ต่างฝ่าย ต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตามตัวบทกฎหมายที่กำหนด กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ในการจัดหา และกระจายไปตามแผนที่ ศบค.กำหนด
เมื่อวัคซีนถึงพื้นที่ ก็เป็นบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่นั้นๆ ต้องบริหารจัดการวัคซีนตามที่แสดงเจตจำนงค์ไปทุกอย่างชัดเจน ทว่ายามมีปัญหา ทั้งใน กทม.และจังหวัดอื่นๆ กลับกลายเป็น สธ.ต้องถูกวิจารณ์อย่างสาหัส ทั้งที่ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนสุดความสามารถแล้ว
อย่าแปลกใจ หากเราจะเห็น คน สธ.ออกมาชี้แจงรัวๆ เรื่องการเลื่อนฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ โดยเน้นย้ำว่า ทางหน่วยงาน ไม่ได้มีอำนาจรับผิดชอบตรงนั้น หากเข้าไปแทรกแซงจะกลายเป็นก้าวก่าย เพราะมาจุดนี้ ดูเหมือนคนทำงาน ที่มีสภาพไม่ต่างจากแพะ ก็ทนแบกรับปัญหาของคนอื่นต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน เรามักจะพูดเสมอว่าเรื่องโควิด เราต้องช่วยกัน แต่ในความเป็นจริง บางคนก็พยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา แต่บางคนกลับพยายามจะทำให้ปัญหามันใหญ่ขึ้นไปอีก