ขี้ทิ้งไว้….ให้ประยุทธ์ตามเช็ด

พูดกับชาวบ้านไม่ชัด เคลียร์กับคนจะนะไม่ขาด ปล่อยทิ้งไว้นาน แถมผู้มีอำนาจไม่คุยกัน ชาวบ้านเลยเข้าใจผิด ย้อนอดีตสารพัดปัญหาผู้กองขี้ทิ้งไว้ ให้บิ๊กตู่ตามเช็ด จากแบ่งพื้นที่ดูแลฮุบจังหวัดเกรดเอภาคใต้แย่งหม้อข้าวประชาธิปัตย์ ถึงโอน 4 กรมหลัก กระทรวงเกษตรฯให้ประวิตรดูแลแทน สร้างแผลใหญ่ผุดแต่ประเด็นร้าวลึกล้วนๆ

กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่ม “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา ให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนขอคืนพื้นที่และเข้าสลายการชุมนุมจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ดูจะกลายเป็นประเด็นร้อน พาดพิงไปถึงหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในจำนวนนั้นรวมถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ซึ่งรับผิดชอบลงไปแก้ไขปัญหาในตอนนั้น ที่เปิดวิวาทะสวนหมัดกันเรื่องนี้แบบไม่มีใครยอมใคร

ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อัดร.อ.ธรรมนัสในลักษณะเหมือนไปรับปากชาวบ้านแบบส่งเดช เออออห่อหมกไปกับคนที่เห็นต่างแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ทั้งๆที่ความจริงตัวนายกฯและครม.ยังไม่ได้รับทราบและยังไม่ได้สรุปว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ ” มันอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผมก็ให้หน่วยงานเขาไปฟังสิว่าอะไรอย่างไร แล้วสิ่งใดก็ตาม ผมเคยบอกแล้วว่า การเจรจาอะไรกับเขา อย่าไปรับปากอะไรเขามาทันที ถ้าหากว่ายังไม่เข้าการพิจารณาของครม. หรือของรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ตาม….บางทีการไปพบปะไปเจรจาของใครก็แล้วแต่ เวลาไปพูดไปตกลงกับเขาอย่าลืมว่ามันไม่ได้ผ่านครม. ผมเตือนหลายครั้งแล้ว เวลาไปก็รับข้อสังเกตมาให้รัฐบาลนำมาสู่การแก้ปัญหา นั่นคือวิธีการทำงานของรัฐบาลต้องรอบคอบ” นายกฯระบุ

ขณะที่ฝ่ายร.อ.ธรรมนัส ก็ยืนกรานว่าการลงพื้นที่ไปเจรจากับตัวแทนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นในตอนนั้น เป็นการลงไปอย่างถูกต้องภายหลังได้รับการมอบหมายจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมให้ลงไปติดตามแก้ปัญหา ส่วนการลงนามในบันทึกข้อตกลงผลการเจรจาการแก้ไขปัญหากับตัวแทนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อ 14 ธ.ค.2563 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญคือ 1. ต้องมีมติยกเลิกมติครม.ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้า รวมถึงการแก้ไขผังเมืองและการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA หรือ EHIA ทันที 2. ต้องจัดให้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ (SEA) จ.สงขลา ประกอบด้วย การตั้งคณะทำงานซึ่งมีสัดส่วนของภาคประชาชนและนักวิชาการในสัดส่วนที่ประชาชนเสนออย่างเหมาะสม การคัดเลือกผู้ที่จะมาดำเนินการศึกษา ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และนักวิชาการที่ประชาชนคัดเลือกด้วย ทุกเรื่องทุกอย่างก็นำเรียนให้พล.อ.ประยุทธ์และครม.รับทราบมาโดยตลอด

“วันนั้นระหว่างที่คุยกันกับตัวแทนของพี่น้องชาวจะนะ โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นคณะทำงานด้วย จึงเป็นที่มาที่ไปของเอ็มโอยูทั้ง 3 ข้อ ถามว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบไหม ถ้าเท้าความไปแล้ว กว่าจะออก เอ็มโอยูฉบับนั้น และเสนอเข้า ครม.วันนั้น ถกเถียงใน ครม. เกือบชั่วโมง ไม่ใช่ว่าผมไปตกลงเอง คงเป็นความเข้าใจผิด” ร.อ.ธรรมนัสยืนยันอย่าโยนตัวเองเป็นแพะรับบาป เพราะทุกขั้นตอนก็รายงานให้ผู้นำและครม.ทราบมาโดยตลอด หลังพูดคุยกับชาวบ้านที่จะนะในวันจันทร์ที่ 14 ธ.ค.2563 ได้นำบันทึกข้อตกลงที่ว่าดังกล่าวเสนอให้ครม.รับทราบทันทีในวันอังคารที่ 15 ธ.ค.2563 ก่อนครม.จะมอบหมายให้พล.อ.ประวิตรที่เป็นประธานดูแลทุกข์ชาวบ้านหลายคณะ รับรายงานผลการหารือดังกล่าวนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและนำเสนอครม.ต่อไป ก่อนที่ 27 ม.ค.2564 นายกฯจะเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา ให้เป็น เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต มีร.อ.ธรรมนัสเป็นประธานมีนฤมลเป็นรองประธาน

ไปๆมาๆงานนี้ไม่รู้เพราะพูดกันคนละครั้งฟังกันคนละอย่าง ต่างคนต่างพูดกันคนละทีเลยทำให้เกิดปัญหาเรื่องการสื่อสารกันขึ้นมา ทั้งๆที่หลังประชุมครม.วันนั้นร.อ.ธรรมนัสก็ยังให้สัมภาษณ์ชัดโครงการยังเดินต่อแค่ชะลอเรื่องผังเมือง ” ครม.ไม่ได้สั่งชะลอโครงการ เพียงแต่สั่งให้ชะลอการประชุมผังเมืองใหม่ออกไปก่อน ซึ่งก็จะส่งผลให้การขับเคลื่อนงานส่วนอื่นๆ ต้องชะลอออกไปด้วย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว ไม่รู้เพราะการสื่อสารในตอนนั้นไม่ดีหรือการสื่อในปัจจุบันนี้ทำกันไม่ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์กับร.อ.ธรรมนัสไม่คุยกันที่สุดเลยกลายเป็นปัญหาสื่อสารไม่ตรงกัน หรือเพราะร.อ.ธรรมนัสคุยกับชาวบ้านในตอนลงพื้นที่ไม่ขาดเคลียร์กับคนในพื้นที่ไม่ชัดเจน หรือที่ผ่านมาไม่ได้เดินเรื่องนี้ต่อกับชาวบ้านเลย จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลสั่งยุติโครงการนี้ไปแล้ว ทั้งๆที่ความจริงเป็นแค่การชะลอเรื่องผังเมืองแต่โครงการเมืองต้นแบบยังเดินหน้าต่อ ที่สุดเรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นประเด็นร้อนให้ชาวบ้านเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นมาชุมนุมประท้วงหน้าทำเนียบเรียกร้องหาความจริงจากนายกฯเสมือนร.อ.ธรรมนัสขี้ทิ้งไว้แล้วให้พล.อ.ประยุทธ์ตามไปเช็ด

กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องตามไปปัดกวาดเช็ดถูความไม่เรียบร้อยให้ร.อ.ธรรมนัส ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาเรื่องแบ่งพื้นที่จังหวัดให้รัฐมนตรีดูแล หลังมีการเสนอเรื่องให้พล.อ.ประวิตรสอดไส้เรื่องนี้เข้าครม.อย่างมีเงื่อนงำ ก่อนจะมีคำสั่งนายกฯ ที่ 85/2564 เมื่อ 9 เม.ย.2564 เรื่องมอบหมายให้รัฐมนตรี รับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด ตอนนั้นก็เกิดประเด็นร้อนหลังพรรคประชาธิปัตย์ออกมาโวยว่าโดนพรรคพลังประชารัฐตีท้ายครัวฮุบพื้นที่หม้อข้าวหม้อแกงทางภาคใต้แบบไม่ไว้หน้า หลังมีการแบ่งงานให้ร.อ. ธรรมนัสที่เดิมดูแลพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู จ.พะเยา จ.เชียงราย เปลี่ยนมาเป็นดูแลพื้นที่จ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ตแทน ขณะที่รัฐมนตรีของพรรคสีฟ้าถูกโยกไปดูพื้นที่อื่นซึ่งไม่ใช่จังหวัดบ้านเกิดของตัวเอง งานนี้ทำให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงมาตำหนิว่าคำสั่งดังกล่าวด้วยความไม่พอใจและได้มอบหมายให้จุติ ไกรฤกษ์ และ นิพนธ์ บุญญามณี แจ้งให้นายกฯและผู้เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาที่ว่า ถ้ายุติได้เร็วก็จะเป็นการดีจะได้ไม่บานปลายโดยไม่จำเป็น ภายหลังเกิดเรื่องราวคาราคาซังในประเด็นนี้ยาวนานที่สุดพล.อ.ประยุทธ์เลยเซ็นยกเลิกโครงการนี้ไปเลย เมื่อ 29 เม.ย.64 โดยอ้างเรื่องโควิด-19 ระบาดทำให้รัฐมนตรีไม่สามารถลงพื้นที่พบกับชาวบ้านได้ และเปลี่ยนให้รองนายกฯเป็นคนรับผิดชอบแทน

ถัดมาร.อ.ธรรมนัสก็มีชื่อไปพัวพันอยู่เบื้องหลังการโยก 4 กรม ที่อยู่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ตัวเองเคยดูแลตอนเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย 1.กรมพัฒนาที่ดิน 2.กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 3.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ 4. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ผละจากอ้อมอกของจุรินทร์ ที่ก่อนหน้านี้กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งกระทรวง มาอยู่ใต้ปีกพล.อ.ประวิตร แทน ตามคําสั่งสํานักนายกฯที่ 254 / 2564 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งมอบหมายและมอบอํานาจ ให้รองนายกฯและรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 ก.ย. 2564 ประเด็นนี้ถูกโยงว่าร.อ.ธรรมนัสต้องการบริหาร 4 กรมนี้ต่อไป แม้จะหลุดจากตำแหน่งเพราะถูกพล.อ.ประยุทธ์ปลดพ้นรัฐบาลเรือแป๊ะ หลังถูกจับได้ว่าเป็นตัวการผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการล้มนายกฯกลางศึกซักฟอก แต่ภายหลังข่าวออกไปพรรคประชาธิปัตย์ทั้งเก่าทั้งใหม่ ดาหน้าพาเหรดออกมาอัดพรรคพลังประชารัฐตำหนิพล.อ.ประยุทธ์พล.อ.ประวิตรกันยกใหญ่ ที่ตามใจผู้กองไม่เข้าเรื่องหูเบาถูกยุจนเสียงานใหญ่ ที่สุดพล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบกลับลำยกเลิกโอน 4 กรม ก่อนจะกลายเป็นประเด็นร้าวลึกแตกหักกับพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งหลายทั้งมวลที่หยิบยกมาคือปัญหาในอดีตที่เกิดขึ้นจากการขี้ทิ้งไว้ของผู้กอง ที่สุดก็เป็นพล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นคนรับเผือกร้อนต้องตามมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้กับผู้กองที่ชอบสร้างเรื่องมาโดยตลอด ล่าสุดเรื่องโครงการการเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตัดสินใจมอบหมายให้สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน ไปเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ในเรื่องนี้แทนร.อ.ธรรมนัส ก่อนจะโชว์ภาพกอดกันกลมดิ๊กกับพี่ใหญ่ 3 ป. อย่างพล.อ.ประวิตร โดยมีพี่กลางบูรพาพยัคฆ์ อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยืนเป็นกองเชียร์อยู่ใกล้ๆ เห็นแบบนี้ร.อ.ธรรมนัสจะรู้สึกยังไง อนาคตคงอยู่ยากแล้วจริงๆ
//////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ภาคเอกชนหนุนส่งเสริมอาชีพแม่บ้านแนวชายแดนบุรีรัมย์ หวังลดเครียด
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) สะพานสูงสุดในโลกในกุ้ยโจว ทดสอบรับน้ำหนักบรรทุกเสร็จสิ้น
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หมู่บ้านห่างไกลในทิเบตได้รับการพัฒนาด้วย “เศรษฐกิจดอกพีช”
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) สำรวจ'ขุนเขาเจี้ยวจื่อ' ทางเดินยาวเด่นในคุนหมิง
ยกทัพศิลปิน-โชว์ศิลปวัฒนธรรมสุดอลังการ ในงาน "มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย 2568" ชวนชมแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค
โคราชเปิดศูนย์อาหารเฉพาะโรค"ปิ่นโต"มุ่งใช้อาหารเป็นยารักษาโรค NCDs

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​