นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านทั่วทั้งประเทศไทย ขานรับแคมเปญของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ต้องการจะนำรายชื่อประชาชนจำนวน 1 ล้านชื่อ ลงชื่อกันเพื่อขับไล่กลุ่ม “แอมเนสตี้ อินเตอร์ เนชั่นแนล” ออกจากประเทศไทย เพราะกลุ่มนี้มักชอบอ้างว่าเป็น “กลุ่ม NGO” ระหว่างประเทศออกช่วยเหลือปกป้องสิทธิมนุษย์ทั่วโลก
ในอดีตที่ผ่านพวกตนเองก็เจอกับกลุ่ม NGO ในหลายๆ กลุ่มตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2555-2556 ช่วงนั้นหมู่บ้านเสื้อแดงมีมวลชนจำนวนมากทั่วประเทศไทย ไม่ขึ้นตรงกับทาง นปช. ขับเคลื่อนกันเองโดยภาคประชาชน NGO ก็ลงไปหาบ่อยมาก พร้อมกับทูตประเทศต่างๆ ทางยุโรปและตะวันตก ส่วนใหญ่จะสอบถามว่า “รักเจ้ามั๊ย” หรือ “มีกองกำลังมั๊ย” จะสู้กับเจ้าอย่างไร จะให้พวกเราสนับสนุนอะไรบ้างต่างๆ นานา บางเรื่องก็พูดไม่ได้เพราะเป็นคำสั่ง พวกตนก็ปฏิเสธออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” อย่างต่อเนื่อง
นายอานนท์ กล่าวว่า จนหลังการรัฐประหาร ปี พ.ศ. 2557 พวกตนพาชาวหมู่บ้านเสื้อแดงเพาะเห็ดขาย ภายใต้ชื่อ “หมู่บ้านเห็ด” สร้างฐานมวลชนขึ้นมาอีกเหมือนเดิมทางกลุ่ม NGO และ ทูตประเทศต่าง ๆ กว่า 20 กลุ่ม ก็ยังลงพื้นที่มาพบพวกตนที่จะสอบถามว่า “จะสู้อย่างไรต่อ จะเอาเจ้ามั๊ย” และ “มีกองกำลังมั๊ย” ถ้าจะสู้ต่อก็บอกจะช่วยเหลือสนับสนุน พวกตนก็ไม่ได้สนใจและนำมวลชนสร้างเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” ประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชนจนมาถึงปัจจุบันนี้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าองค์กรแห่งนี้เคลื่อนไหวเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด คอยให้การสนับสนุนกลุ่มที่สร้างความรุนแรง แม้กลุ่มม็อบ 3 กีบ จะใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังออกมาเรียกร้องให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรง ซี่งสวนทางกับความจริงมาโดยตลอด
พวกตนจึงขานรับแคมเปญส่งสัญญาณไปตามอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้ง 6 ภาค ให้ตั้งโต๊ะลงรายชื่อประชาชนขับไล่องค์กรแห่งนี้พ้นผืนแผ่นดินไทย เหมือนหลายๆ ประเทศ อย่าให้พวกเขาเคลื่อนไหวในประเทศอีกต่อไป เพราะการเคลื่อนไหวนั้นเป็นการทำลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และคนที่ออกมาพูดก็ไม่ใช่คนไทย เขาไม่เข้าใจวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย อ้างแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ทำไมยอมให้คนกลุ่มหนึ่งก้าวล่วง และละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงยิ่งกว่า แต่องค์กรแห่งนี้กลับทำไม่รู้ไม่เห็น
“เชื่อได้ว่าการเคลื่อนไหวของ “แอมเนสตี้” มีวัตถุประสงค์และเงื่อนไขในการทำลายประเทศไทยโดยแท้จริงพวกเราผู้จงรักภักดิ์ดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะไม่ยอมให้พวกจ้องล้มล้างสถาบันเอาชาวต่างชาติมาใช้ประชาชนคนไทยเป็นเครื่องมือดำเนินการเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมาอย่างเด็ดขาด เพราะถือได้ว่าเป็นการเหยียดหยาบหัวใจของประชาชนคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจคนทั้งประเทศ”