เหมือนผ่าฟ้าลงมากลางพรรคพลังประชารัฐ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และองค์คณะผู้พิพากษามีการประชุมพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพวกรวม 87 ราย กรณีทุจริตการจัดสรรงบประมาณการก่อสร้างสนามฟุตซอลในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มูลค่าความเสียหาย 4,459 ล้านบาท ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 151, 157, 162, 264, 265, 268, 83, 86, 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) ม. 10, 11, 12, 13 ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ม. 123/1 ก่อนมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าว ส่งผลให้วิรัชต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ม. 11 รวมถึงทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ศรีภริยา และ ทัศนาพร เกษเมธีการุณ น้องสาวต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
งานนี้เรียกว่าเสียหายหนักโดยเฉพาะกับพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล เพราะทำให้มือของส.ส.ฝ่ายรัฐหายไปถึง 3 คน แถม 1 ใน 3 คนที่ว่ายังเป็นวิรัชที่มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือประธานวิปรัฐบาล งานนี้พอวิรัชติดบ่วงศาลฎีกากรณีมีเอี่ยวทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลพาซวย พรรคพลังประชารัฐก็พลอยซวยไปด้วย อย่าลืมว่าวิรัชไม่ใช่ประธานวิปธรรมดา ลำพังแค่การเป็นประธานวิปปกติก็มีงานชุกตึงมือมากพออยู่แล้ว ทั้งการประสานงานเรื่องภายในพรรคที่จะเสนอต่อสภาเพื่อผลักดัน การประชุมพูดคุยกับตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล เพื่อวางกฎหมายเรียงเรื่องสำคัญๆที่รัฐบาลจะเสนอเข้าสภา ยังไม่นับรวมถึงการคุมเกมส์คุมเสียงในสภาระหว่างการประชุมเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การควบคุมดูแลเรื่ององค์ประชุมไม่ให้ล้มไม่ให้ล่ม จนทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นภาพลักษณ์ของรัฐบาล แค่นั้นก็หนักหนาสาหัสตึงมือมากพออยู่แล้ว
แต่งานของวิรัชมีมากกว่านั้น เพราะเจ้าตัวยังเป็นลูกพี่ทางการเมืองของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐด้วย อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ตอนยุครุ่งเรืองร.อ.ธรรมนัสเคยตั้งก๊วนรัฐมนตรีแผ่บารมีในพรรคชื่อ ” 4 ช.” มีตัวเองที่ขณะนั้นเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีสมาชิกประกอบด้วย “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงาน สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ “เสี่ยแบงค์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของวิรัชรวมอยู่ด้วย จากนั้นก็เป็นกลุ่ม 4 ช.นี้แหละที่ก่อหวอด วางแผนคิดการใหญ่หวังล้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระหว่างศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา กลยุทธ์ แนวคิด วิธีการ ของแผนล้มตู่โค่นยุทธ์
ส่วนหนึ่งก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามาจากมันสมองของวิรัช อย่าลืมว่าอดีตขุนศึกอีสานผู้นี้เคยรับบทเลขานุการของ “มังกรสุพรรรณ” บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคชาติไทยผู้มากด้วยลีลาแพรวพราวทางการเมืองซึ่งล่วงลับไปแล้ว จึงไม่แปลกที่วิรัชจะได้รับการฝึกปรือเคล็ดลับวิชามามากมาย แถมเจ้าตัวยังเป็นส.ส.หลายสมัยมีประสบการณ์โชกโชน เคยผงาดขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีพญานาคนั่งเก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก่อนเจอข้อครหาซื้อเมล็ดพันธุ์ผักแพงเกินจริงมอบให้ชาวบ้านนำไปปลูก ในโครงการผักสวนครัวรั้วกินได้ เพราะฉะนั้นเหลี่ยมคูทางการเมืองของวิรัชจึงไม่ธรรมดา เขาขั้นเซียนเหยียบเมฆไร้เงา ด้วยเหตุนี้การขาดไปของวิรัชที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที่เพราะคดีฟุตซอลจึงกลายเป็นการตัดแขนตัดขาร.อ.ธรรมนัสไปโดยปริยาย
เบื้่องลึกเบื้องหลังยังไม่ชัดว่าทำไมจู่ๆ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถึงมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีในช่วงนี้จนทำให้วิรัชต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไป คิดในทางดีจังหวะปะเหมาะเคราะห์ร้ายคดีเดินมาถึงจุดที่ต้องชี้ขาดพอดีว่าจะรับหรือจำหน่ายคดี คิดในทางร้ายก็อาจมีใบสั่งให้เบรกวิรัชหยุดแม่ทัพใหญ่ฝ่ายผู้กองไม่ให้กลับมามีบทบาท เดินเกมส์ตีรวนป่วนประยุทธ์ในสภา หาจังหวะเจาะยางเอาคืนบิ๊กตู่จากความขัดแย้งขบเหลี่ยมที่มีกันมาก่อนหน้านี้ ที่สุดเลยโดนเด็ดปีกแพคฟีดเข้าห้องเย็นตัดรำคาญกันไปเลย รอบนี้คนนอกคิดไงไม่รู้แต่คนในยกนิ้วลุงตู่เด็ดขาดจัดการแม่ทัพใหญ่พวกเดียวกันแต่เป็นฝ่ายแค้นในสภาลงไปได้ สบโอกาสได้เวลาประยุทธ์คุมพลังประชารัฐ รุกคืบเข้าไปอีกขั้นอย่างที่รู้กันดีก่อนหน้านี้ก็หาแนวร่วมดึงรัฐมนตรีเกรดเอ 7-8 คนเข้าเป็นสายตรงไทยคู่ฟ้า จากนั้นก็ส่ง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคย์ อดีตรมว.ยุติธรรม มือกฎหมายคนสนิท เข้าไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคนั่งใกล้ๆแค่ๆ ช่วยแลลุงป้อม ทั้งหมดล้วนคืบหน้าไปมาก จะมีที่ยังไม่สำเร็จไม่สะเด็ดน้ำก็คือการล้างไพ่รื้อกรรมการบริหารพรรค ที่ยังเจอลุงป้อมสวมบทเป็นจระเข้ขวางคลองอุ้มผู้กองอยู่ แต่อนาคตเชื่อว่าบิ๊กตู่เอาแน่ ตอนนี้ก็รุกคืบน่าดูเพราะชิงจังหวะช่วงวิรัชเซ ธรรมนัสทรุด ส่งนิโรจน์ สุนทรเลขา ผู้แทนนครสวรรค์ 4 สมัย องครักษ์พิทักษ์ตู่ในสภามาเป็นประธานวิปแทนวิรัช จากนี้การเมืองในสภาลุงตู่คงหายใจทั่วท้องหน่อย เพราะมีคนไว้ใจใกล้ชิดดูแลไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเลื่อยขาเหมือนในอดีตอีก
///////////////
