ฉันเคยแต่แต่งเพลงรัก เพลงเจ้าอารมณ์ เพลงอกหัก เสียดสีเชือดเฉือน แบบชาวบ้านๆ แล้วนี่อะไรกัน….ต้องแต่งเพลงที่ต้องเอื้อมอาจไปถึงจุดสูงสุดของแผ่นดิน…
ฉันนั่งหาหนังสือเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริสี่พันโครงการ อีกทั้งพระปรีชาสามารถในทุกด้าน ฯลฯ แล้วฉันก็ทิ้งตัวนอนแผ่…หมดแรง
เรื่องราวห้าสิบปีของพระองค์ท่าน ถ้ารวมเป็นหนังสือก็คงต้องใช้ทั้งห้องสมุด…แล้วฉันนี่นะ จะต้องสรุปความให้ได้ภายใน สี่ห้านาทีของเพลง ๆ หนึ่ง…
ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่จำความได้ ฉันรู้จักเพลงที่เกี่ยวกับพระราชา อยู่แค่ เพลงสรรเสริญพระบารมี กับ สดุดีมหาราชา และเคยได้ยินเพลง ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น ของสุนทราภรณ์…
ซึ่งเพลงแรกเป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์อยู่แล้ว ส่วนอีกสองเพลงนั้นเล่า ก็ล้วนเป็นเพลงสดุดีอันใช้ราชาศัพท์และศัพท์สูงต่าง ๆ
ฉันเป็นเด็กบ้านนอก…รู้จักแต่ภาษาชาวบ้าน เขียนกลอน เขียนเพลงอะไรมาก็ล้วนแต่เป็นบทตลาด เป็นชาวบ้าน….แล้วฉันจะเขียนศัพท์สูง ๆ แบบนั้นได้ยังไง…
วันเวลาผ่านไปนับเดือน ใกล้ถึงเส้นตายที่ต้องแต่งให้เสร็จตามกำหนด ทำนองที่ประพันธ์โดย คุณป้อม อภิไชย เย็นพูนสุข ก็มารอแล้ว เป็นทำนองที่ไพเราะสวยงามที่สุด อบอุ่น และฟังง่าย…ช่วยให้ฉันตัดสินใจง่ายขึ้นอีกนิดว่า….ฉันขอเขียนอะไรก็ได้ที่ยังนึกไม่ออกด้วยภาษาที่ฟังง่ายด้วยก็แล้วกัน..คนฟังก็คงถนัดฟัง ฉันก็ถนัดเขียนภาษาง่ายอยู่แล้ว…
ก่อนนอนคืนนั้น…ฉันไหว้พระ แล้วก็กราบที่พระบรมฉายาลักษณ์ในห้องพระ ในใจก็แอบกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต ว่า ขอข้าพระพุทธเจ้าใช้คำง่ายๆ กับเพลงที่จะแต่งถวายนี่ด้วยนะพระเจ้าข้า….แล้วก็ขอเองเออเองว่าท่านไม่น่าจะทรงว่าอะไร….และขอให้ท่านบันดาลใจให้คิดออกเสียที..
รุ่งขึ้นอีกวัน…ระหว่างหยิบเอกสารโครงการเพลงเทิดพระเกียรติมาดูครั้งที่ร้อย…อย่างเลื่อนลอย พลันสายตาก็ไปพบกับโลโก้บนหัวเอกสารของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย…เป็นใบโพธิ์สีม่วงๆนั่นแหละ…
พลันในหัวก็สว่างวาบ ขนลุกซู่….มันคิดเรื่องราวทะลุปรุโปร่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน จากที่คิดว่าจะเขียนเรื่องอะไรอย่างไร…ฉันเปลี่ยนวิธีคิดจากเขียนเล่าแบบเรื่องจริง….มาปรับเป็นการเปรียบเปรย แล้วทุกอย่างก็โล่งสว่าง…ใบโพธิ์ใบนั้น..ทำให้ฉันคิดถึงต้นไม้ ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ให้คุณประโยชน์แทบทุกอย่าง หาภัยอันตรายแทบไม่มี….นี่ไง คือสิ่งที่พระองค์ท่านสร้างมาตลอดห้าสิบปี…
ว่าแล้ว ก็เริ่มต้นเพลง เหมือนการเล่านิทาน
“นานมาแล้ว……”
แล้วก็ชะงักอยู่ตรงนั้น….ฉันจะเล่าอย่างไร ฉันจะแทนพระนามของท่านว่าอะไร ที่รู้สึกให้เหมือนการเล่าแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ศัพท์สูง..
ก่อนหน้านั้น ไม่เคยได้ยินว่ามีใครบังอาจนับญาติกับพระเจ้าแผ่นดิน อย่างมากก็มีศัพท์ชาวเขาที่เรียกในหลวงว่า “พ่อหลวง” หรือที่เคยเรียนมาว่าสมัยพ่อขุนรามฯ ทรงใช้การปกครองแบบพ่อปกครองลูก…. และยังไม่เคยมีเพลงไหนที่เรียกในหลวงว่า “พ่อ”
ฉันถอนหายใจให้กับตัวเองอีกทีหนึ่ง…เอาละเป็นไงเป็นกัน….ขอใช้เป็นคนแรกในเพลงนี้ละกัน จะโดนอะไรบ้างข้างหน้า..ก็ถือเสียว่า ตัวเองทำไปด้วยใจซื่อ…
“พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา……”
หลังจากปลดล็อกความกดดันความกลัวทั้งปวงแล้ว ทุกอย่างก็เล่าเรื่องไปตามครรลองที่ควรจะเล่า จนจบเพลง… ความรู้สึกหนักๆ บนบ่าและไหล่ที่แบกมาตลอดนับเดือน…ก็อันตรธานไป
และมันคงลอยไปที่ ธงไชย แมคอินไตย์ ผู้ที่ต้องเป็นผู้แบกนำเสนอต่อไป….
หลังจากที่เพลงบันทึกเสียงเสร็จออกมา…บรรดาพี่ๆ ผู้บริหารเข้าประชุมนั่งฟัง แล้วเห็นพ้องกันว่า…น่าจะดี…น่าจะเหมาะ….ซึ่งแปลความหมายได้ว่า…ฟังแล้วชอบ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าประชาชน พสกนิกรทั้งปวง จะเห็นเหมาะสมไหม เนื่องจากเป็นเพลงที่ดูแล้วไม่สูงส่งสมพระเกียรติ เป็นแค่เพลงง่ายๆ เพลงนึง…