พฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยา และอาจารย์ประจำภาควิชาสังคมศาสตร์ (สาขาอาชญาวิทยา) คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง พาผู้ร้องเรียนเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลว่า นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทูตสื่อวิญญาณ หรือ หมอบี” มีพฤติการณ์ทุจริตเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ ที่ประชาสัมพันธ์เปิดขอรับบริจาคเงินผ่านโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “งมงาย สไตล์หมอบี” โดยอ้างว่าเป็นการร่วมทำบุญ โดยตนเองจะทำหน้าที่เป็นสะพานบุญนำเงินที่ผู้ร่วมทำบุญโอนเงินเข้ามาในบัญชีที่ตนเองรับบริจาค ไปส่งมอบให้กับ วัดพระบาทน้ำพุ เพื่อที่ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี จะนำไปใช้ช่วยเหลือ ผู้ป่วยโรคเอดส์ และตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของวัดพระบาทน้ำพุ
นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี “ใจฟ้าอาทรประชานาถ โดย นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล” ในการรับเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึง ปี 2568 มีประชาชนบริจาคเงินเพื่อทำบุญให้วัดพระบาทน้ำพุ และบริจาคเงินทำบุญอื่นๆ มียอดเงินหมุนเวียนเข้าบัญชี ดังกล่าว จำนวน 300 กว่าล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และ พนักงานสอบสวน ของ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จึงได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการสอบพยานบุคคล ตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ จนพบมีมูลว่า นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ทรัพย์สืบสกุล ไม่ได้นำเงินที่ได้จากการบริจาคไปมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ตามที่กล่าวอ้าง โดยมีหลักฐานเชื่อว่านำเงินที่มีผู้บริจาคให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ผ่านบัญชีธนาคารที่ตนเองเปิดมาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว บางส่วนนำไปมอบให้กับ อดีตหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ
จากนั้น กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและพบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เมื่อรับเงิน ที่นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ทรัพย์สืบสกุล นำมามอบให้ในฐานะตัวแทนของวัดพระบาทน้ำพุ กลับไม่นำเงินเข้าสู่ระบบของวัดพระบาทน้ำพุ แต่พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้ทุจริตเอาเงินที่รับมาทั้งหมด ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว อาทิเช่น นำไปให้บุคคลภายนอกกู้ยืม นำไปซื้อทรัพย์สินส่วนตัวโดยใส่ชื่อผู้อื่นถือครองไว้แทน เป็นต้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จนนำมาสู่การขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับนายเสกสันน์ และอดีตหลวงพ่ออลงกต และได้เปิดปฏิบัติการ “Operation Endgame: ปฏิบัติการคืนศรัทธา บอกลางมงาย สไตล์ CIB” ไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 พร้อมทั้งตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบคดีจำนวน 17 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดลพบุรี โดยจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ จำนวน 2 ราย คือ
1.พระราชวิสุทธิประชานาถอลงกต พูลมุข (อลงกต ติกขปญโญ) หรือนายอลงกต พูลมุข อายุ 65 ปี กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน”
2.นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี อายุ 43 ปี กระทำความผิดฐาน “ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
พร้อมตรวจยึดของกลางที่สำคัญ ดังนี้
1. ยานพาหนะรถยนต์ จำนวน 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท (ยึดได้จากบุคคลใกล้ชิด นายเสกสันน์ ที่ใส่ชื่อถือครองรถยนต์ แทนนายเสกสันน์)
2. เงินสด รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,562,350 บาท (ยึดได้จากนายเสกสันน์ 2 ล้านเศษ และ ยึดได้จากอดีตพรพะอลงกต อีก 5 แสนบาท)
3. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 3 ใบ รวมมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท (ยึดได้จากภรรยาของนายเสกสันน์)
4. เช็คนำฝากชื่อผู้อื่น จำนวน 21 ใบ มูลค่า 52 ล้าน (ยึดได้ที่ตัว อดีตหลวงพ่ออลงกต ในวันจับกุม)
5. โฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ จำนวนทั้งสิ้น 23 ฉบับ พื้นที่ 323 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา
-โฉนดที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ ยึดได้จากนายเสกสันน์ ในวันเข้าจับกุม (มูลค่าที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ร่วม 70 ล้านบาท)
– โฉนดที่ดิน จำนวน 21 ฉบับ ยึดได้จากการเข้าตรวจค้น วัดพระบาทน้ำพุ

และหลังจากการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้บูรณาการร่วมกัน เพื่อสืบสวนติดตามทรัพย์สิน ที่บุคคลอื่นมีชื่อถือครองไว้แทนวัดพระบาทน้ำพุ ให้นำกลับมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ จนเป็นที่มาของ การได้กลับคืนมาซึ่งโฉนดที่ดิน เอกสารถือครองที่ดิน ยานพาหนะ จากผู้ถือครองแทน ดังนี้
1. โฉนดที่ดิน จำนวน 411 ฉบับ รวมพื้นที่ 2,258 ไร่ 3 งาน 28.5 ตารางวา
2. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำนวน 389 แปลง รวมพื้นที่ 4,957 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา
3. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์ตู้ ระกระบะ รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร รสบัส และรถบรรทุก ร่วม 60 คัน
ทั้งนี้ รวมที่ดินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางติดตามเพื่อนำมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ ได้นั้น เนื้อที่ดิน รวมประมาณ 7,200 ไร่เศษ เมื่อตรวจสอบราคาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ นั้น มูลค่ารวมประมาณกว่าหมื่นล้านบาท
