“บิ๊กเล็ก” เผยโทรคุย “เตีย เซยฮา” เตือนหยุดยิงยั่วยุ แต่ไร้ตอบรับเชิงบวก ห่วง “ทหารเก่า” จ้อสื่อลงลึกแผนปฏิบัติการทหาร “กัมพูชา” นำต่อจิ๊กซอว์ตอบโต้ไทย


ข่าวที่น่าสนใจ
13 พ.ย.2568 ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว ภายหลังฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามายังฝั่งไทย ว่า เป็นไปตามสถานการณ์ ซึ่งตนได้เน้นย้ำไป 2 มาตรการ คือ เรามีการระงับปฎิบัติการตามปฏิญญาแล้ว และ ต้องปกป้องพื้นที่ ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของไทยตามกฎการใช้กำลัง ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (12พ.ย.68) เป็นการยั่วยุ โดยทางกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ก็ใช้ความระมัดระวัง ที่จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ ได้แต่ยิงตอบโต้เพื่อให้เขารับทราบว่าอย่ากระทำอย่างนี้อีก เนื่องจากพื้นที่นั้นมีพลเรือนอาศัยอยู่ จึงไม่น่ากระทำ
ซึ่งตนได้โทรหา พลเอกเตีย เซยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา การปฎิบัติการในพื้นที่พลเรือน แม้จะบอกว่าไม่เจตนาก็ตาม แต่ก็ยังเป็นพื้นที่พลเรือน
เมื่อถามย้ำว่า พลเอกเตีย เซยฮา ได้ระบุอย่างไรบ้าง พลเอกณัฐพล กล่าวว่า เขาได้พูดเหมือนกับที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงออกมา
ส่วนที่ทางกัมพูชาอ้างว่ามีพลเรือนกัมพูชา บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย พลเอกณัฐพล กล่าวว่า เราไม่ได้รับทราบว่ามีพลเรือนอยู่บริเวณ ในเมื่อทหารกัมพูชายิงเข้ามาฝั่งเรา ทางเราก็ต้องตอบโต้ ซึ่งครั้งก่อนจะเห็นว่าการยั่วยุเป็นการยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ในครั้งนี้ยิงมาระดับบุคคล แสดงว่ามุ่งหวังชีวิต ซึ่งเรามีหลักฐานคือรอยกระสุนบริเวณบังเกอร์
ดังนั้นเราต้องยิงตอบโต้ ซึ่งเป็นไปตามกฎใช้กำลังอยู่แล้ว สิ่งที่เขาไม่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการปฏิบัติในพื้นที่ที่มีพลเรือนอยู่ อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาก็ทราบดีอยู่แล้วว่าบริเวณนั้นมีพลเรือนอยู่ ซึ่งตนยังมองด้วยซ้ำว่าพลเรือนที่อยู่บริเวณนั้นมาร่วมอยู่ด้วย
ส่วนการที่ทางฝ่ายกัมพูชาต้องการยั่วยุให้เกิดสงครามใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ตนไม่คิดถึงขนาดนั้น ไม่อยากให้เรียกว่าสงคราม ซึ่งจะดูหนักเกินไป แต่เป็นการจัดฉากเพื่อให้เกิดการปะทะ ว่าเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ
เมื่อถามว่าเขาหวังใส่ร้ายฝ่ายไทยเพื่อหวังผลหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า คิดว่าเป็นอย่างนั้น โดยมุ่งหวังให้ประชาคมโลกหันกลับมาตรงนี้ เพราะเขาทำลักษณะนี้มาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และ บ้านหนองจาน โดยการนำพลเรือนมาออกหน้า แม้รัฐบาลกัมพูชาออกมาระบุว่าไม่ได้มีนโยบายเช่นนั้น แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเรามองว่าเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามย้ำว่า เขาได้บอกเหตุผลหรือไม่ว่าเหตุใดจึงยิงปืนกลเข้ามาฝั่งไทยถึง 60 นัด พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ก็เขาไม่ยอมรับ
เมื่อถามว่า พลเอกเตีย เซยฮา ไปขอให้มีการเจรจาขึ้นหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ขออนุญาตที่จะไม่พูด เพราะเป็นการพูดคุยกันส่วนตัว คล้ายโฟว์อาย แต่จุดยืนของเรายังคงเหมือนเดิมคือจะไม่มีการประชุมจีบีซี ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ โดยต่อจากนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว เพราะมองว่าไม่มีประโยชน์ รวมถึงปีหน้าก็คงจะไม่มี ต่อไปก็ให้ใช้กลไกของรัฐบาล หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ให้ว่ากัน ในส่วนของจีบีซี ไม่มีอะไรคืบหน้าและไม่ปฏิบัติตามปฏิญญา ประชุมไปก็เปลืองภาษีประชาชน ในขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ยังคงปฏิบัติงาน เหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้วก็ต้องพิสูจน์ทราบต่อไป ซึ่งเป็นข้อตกลงของประเทศอาเซียน ไม่เกี่ยวกับปฏิญญสันติภาพ
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการอื่นอีกหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีพลเรือน ก็ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนได้เลย แต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด ปัจจุบันตนก็เครียดมากพออยู่แล้ว เพราะมีผู้รู้ ทหารเก่า ออกมาพูด จนกระทั่งกัมพูชาสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้ ขอความกรุณาสื่อหรือพิธีกรรายการต่างๆ การเปิดเวทีให้บุคคลต่างๆมาพูด เช่น การกู้ระเบิด ทำให้กัมพูชาสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้ เพราะเป็นทหารด้วยกัน ก็จะคิดคล้ายๆกัน ตนก็ต้องคอยดูว่าอะไรที่พูดไปแล้ว ต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะกัมพูชาเขาคาดเดาได้แล้ว นี่คือสิ่งที่ตนห่วงใย ต่อชีวิตน้องๆที่อยู่แนวหน้า เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องปฎิบัติการทางทหาร ปรากฏว่าฝ่ายตรงข้ามเขาเตรียมการไว้หมดแล้ว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตของน้องๆ
พลเอกณัฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเข้าใจสื่อมวลชน รวมถึงพิธีกรในรายการต่างๆ ต้องหาข่าวนำเสนอให้ประชาชนเข้าใจ แต่ขอเรียนในมุมด้านการทหาร บางครั้งคนที่พูดไม่เจตนาก็ตาม เพราะเจตนาของเขาต้องการแสดงว่าเขารู้ แต่สิ่งที่เขารู้ จะทำให้กัมพูชารู้ด้วย แต่คงไม่สามารถไปห้ามได้ อยากฝากไปถึงทุกคน เพื่อขอความร่วมมือ ทุกคนที่จะทำให้ข้อความเหล่านั้นออกสู่สาธารณะ เพราะกัมพูชาก็ดูอยู่
เมื่อถามว่าประชาชนมีความเป็นห่วงว่าจะเกิดสิ่งใดบริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดน พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ขออนุญาตไม่พูดถึง ในเมื่อเราระงับการปฎิบัติตามปฏิญญาแล้ว สิ่งที่ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้บัญชาการทางทหาร อะไรก็ตามที่อยู่ในพื้นที่อธิปไตยของเรา ขอให้ปกป้องตามกฎการใช้กำลัง เพราะฉะนั้นตนจึงไม่สามารถให้ความมั่นใจได้ จึงขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ว่าต้องการจะคลี่คลายสถานการณ์จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาเราใช้แนวทางสันติมาตลอด จนบางครั้งยังถูกตำหนิเสียด้วยซ้ำว่าไม่เข้มแข็ง ไม่เด็ดขาด แต่ถึงเวลานี้เราก็เพิ่มความเด็ดขาดมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าระงับปฏิญญา
เมื่อถามว่าความเด็ดขาดในการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บัญชาการทหารบกใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า มีอยู่ 2 ประการ ระดับอำนวยการก็มีคณะผู้บัญชาการทางทหาร แต่กฎการใช้กำลังมีในทุกระดับ แม้แต่ ผบ.ที่คุมกำลังหน่วยเฉพาะกิจ ที่อยู่แนวหน้า ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ไม่ขอพูดลงในรายละเอียด ตนอยากให้สื่อมวลชนสบายใจ ไม่ใช่ต้องรอฟังผู้บัญชาการทหารบกเพียงคนเดียว หรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขามีระดับ ปฏิบัติการอยู่แล้ว ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ใครจะเป็นผู้ตัดสินใจ เช่นกรณีการยิงเข้ามาบริเวณ บ้านหนองหน้าแก้ว เราก็สามารถตอบโต้ได้ทันที แต่หากมีการกระทำที่มากกว่านั้น อำนาจการตัดสินใจก็เลื่อนลำดับขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พลเอกณัฐพล ระบุว่า นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ยังไม่ได้มาหารือฝ่ายความมั่นคง ถึงกรณีจะมีการผลักดันแรงงานกัมพูชา 90,000 คน ที่ใบอนุญาตการทำงานหมดอายุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น