“โฆษกทบ.” แจงสวนกมธ.ส้ม ไล่บี้ “กัน จอมพลัง” โยงงบฯกองทัพ 2 แสนล้าน ยันผ่านหลังกลั่นกรองสภาฯ ใช้จ่ายโปร่งใส ลั่นอย่าอคติชี้นำสังคมทางลบ

“กองทัพบก” แจงชัดงบ 2 แสนล้านไปไหน ใช้ทำอะไรบ้าง ชี้การเปิดรับบริจาคเป็นการเสริมพลังให้ประเทศก้ามข้ามวิกฤตได้อย่างมั่นคง

“โฆษกทบ.” แจงสวนกมธ.ส้ม ไล่บี้ “กัน จอมพลัง” โยงงบฯกองทัพ 2 แสนล้าน ยันผ่านหลังกลั่นกรองสภาฯ ใช้จ่ายโปร่งใส ลั่นอย่าอคติชี้นำสังคมทางลบ – Top News รายงาน

 

โฆษกทบ.

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร ได้หยิบยกประเด็นงบประมาณจำนวน 200,000 ล้านบาท ของกระทรวงกลาโหม มาเชื่อมโยงกับกรณีที่ภาคประชาชนได้ร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยขออธิบายข้อเท็จจริงดังนี้

1.ประเด็นคำว่า “งบสองแสนล้านไปไหน”  พลตรี วินธัย ระบุว่า ประโยคดังกล่าวถูกนำไปขยายผลในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ากองทัพไม่โปร่งใส ทั้งที่ได้รับงบประมาณแล้วกลับไปพึ่งพาของบริจาค ซึ่งถือเป็นการตีความโดยใช้อคติและนำเสนอเพื่อชี้นำสังคมในทางลบ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ข้อเท็จจริงของ “งบสองแสนล้าน”  งบประมาณจำนวนดังกล่าว เป็นงบประมาณประจำปีของกระทรวงกลาโหม ซึ่งต้องจัดทำและเสนอขอเป็นประจำทุกปี โดยต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าใช้เพื่อดำเนินแผนงานหรือโครงการใด ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองและตรวจสอบอย่างรอบคอบของรัฐสภา จนออกมาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี (พ.ร.บ.งบประมาณ) ทั้งนี้ ไม่สามารถนำงบประมาณไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดได้

งบประมาณประจำปีของกระทรวงกลาโหม มีการกำหนดวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน โดยต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ รวมถึงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดผ่านกระบวนการพิจารณาและกลั่นกรองโดยสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบสนองต่อภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ คณะกรรมาธิการการทหารในสภาผู้แทนราษฎรย่อมทราบรายละเอียดของแต่ละรายการงบประมาณ เนื่องจากได้ร่วมตรวจสอบและพิจารณามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ขณะเดียวกันประชาชนทั่วไปยังสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของกองทัพบกได้อย่างเปิดเผย ผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (e-MENSCR) ของภาครัฐ ซึ่งแสดงข้อมูลทั้งแผนงานและผลการใช้งบประมาณเป็นรายไตรมาสอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้

 

 

โดยปกติ การเสนอของบประมาณจะต้องดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งปี เช่น งบประมาณปี 2569 จะต้องจัดทำและเสนอขอตั้งงบประมาณตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2568 (1 ต.ค.68) เพื่อให้ผ่านกระบวนการกลั่นกรองและพิจารณาได้ทันก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่ ทั้งนี้งบประมาณในภาพรวมเกือบร้อยละ 70 ของงบประมาณทั้งหมด เป็นงบประมาณด้านสิทธิกำลังพล และค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของหน่วยต่างๆ เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ ค่าสาธารณูปโภค และค่าเช่าต่างๆ ส่วนที่เหลือเป็นงบประมาณสำหรับการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ การเสริมสร้างหน่วย การฝึก และการจัดหาหรือปรับปรุงยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สามารถดำรงสภาพและใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความพร้อมของกองทัพบกในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ

3. งบประมาณกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน  งบประมาณที่ภาครัฐจัดสรรไว้ในแต่ละปี จะถูกวางแผนเพื่อรองรับภารกิจในสภาวะปกติ โดยผ่านกระบวนการอนุมัติล่วงหน้ากว่าหนึ่งปี เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น เหตุฉุกเฉิน ภัยธรรมชาติ หรือสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงอย่างกะทันหัน หน่วยงานทหารจะไม่สามารถนำงบประจำปีมาปรับใช้ได้ทันที เนื่องจากงบดังกล่าวมีกรอบการใช้จ่ายที่ชัดเจนและต้องเป็นไปตามแผนที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว ดังนั้นสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เช่น ภัยธรรมชาติ หรือภัยคุกคามจากมนุษย์ มักดำเนินการโดยใช้งบประมาณกลางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ซึ่งเป็นงบที่เตรียมไว้เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

 

4. พลังความสามัคคีของภาคประชาชน คือกลไกสำคัญในการสนับสนุนภาครัฐในยามวิกฤต แม้ว่าภาครัฐจะมีการวางแผนงบประมาณด้านความมั่นคงอย่างเป็นระบบ และมีงบกลางสำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ พลังความสามัคคีของภาคประชาชน ที่ร่วมสนับสนุนและส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในยามวิกฤตที่ผ่านมาได้ช่วยเสริมศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจ และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญการมีส่วนร่วมของประชาชนยังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นพลังที่ไม่อาจประเมินค่าได้

ดังนั้น การนำคำว่า “งบสองแสนล้าน” มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การบริจาคสิ่งของของภาคประชาชน หรือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อที่มาที่ไปของงบประมาณ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมต่อการบริหารจัดการด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้งงบประมาณของรัฐและพลังของภาคประชาชนต่างมีบทบาท “เสริมกัน” ไม่ใช่ “ทดแทนกัน” เพื่อให้ประเทศสามารถเผชิญและก้าวข้ามวิกฤตได้อย่างมั่นคง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

MEA จัดประชุมชี้แจงโครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนสุขุมวิท ช่วงพระราม 4 ถึงซอยสุขุมวิท 81
MEA จัดแข่งขันทักษะช่างสายอากาศและช่างสายใต้ดิน ประจำปี 2568 มุ่งยกระดับมาตรฐานงานบริการ สร้างความเชี่ยวชาญและความปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
"ผู้ว่าฯ ชัชชาติ" ชี้สถานการณ์น้ำ กทม.ยังน่าห่วงจากหลายปัจจัย สั่งทุกเขตเรียงกระสอบทรายจุดอ่อนแอ ป้องกันชุมชนนอกคันกั้นน้ำ
ชื่นชม จนท.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ช่วยชีวิตหญิงชาวต่างชาติ รถตกคูเมือง ในงานยี่เป็ง
รองฯ ปรินดา ร่วม “ดำนา โยนกล้า หว่านข้าว ปีที่ 4” บ้านป่าชิง
MEA ตรวจเยี่ยมโครงการระบบไฟฟ้าหนุนเกษตร-ยกระดับความปลอดภัยชุมชนบ้านคลองหม่อมแช่ม

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​